Skip to main content
sharethis

กิจกรรม “ยืนหยุดทรราช” เชียงใหม่ ซีซั่น 2 กลับมาอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวให้แก่นักโทษการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ หลังมีกระแสการใช้กฎหมายอาญา ม.112 จับกุมคุมขังประชาชนและนักเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

 

1 พ.ค. 2565 เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลา 17.00 - 18.12 น. กลุ่ม “We, The People” จัดกิจกรรม “ยืนหยุดทรราช” ซีซั่น 2 ขึ้นที่ลานท่าแพ เชิญชวนชาวเชียงใหม่ร่วมยืนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที เพื่อตอกย้ำถึงการประกันตัวอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวให้แก่นักโทษการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้

อาทิ ตะวัน - ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมอิสระ วัย 20 ปีที่ประกาศอดอาหารมาแล้วกว่า 12 วัน หลังต้องถูกจำคุกในเรือนจำด้วยคดี ม.112, สมบัติ ทองย้อย ที่ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 6 ปี โดยไม่รอลงอาญาในคดี ม.112 เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา และเวหา แสนชนชนะศึก ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวจากคดี ม.112 หลังแชร์เพจ ‘เยาวชนปลดแอก’ รวมไปถึงนักโทษการเมืองในคดีอื่นทั้งเอกชัย หงส์กังวาน ที่ถูกจำคุกโดย 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา จากการเล่าประสบการณ์ทางเพศในเรือนจำ, คฑาธร, คงเพชร อายุ 18 ปี, พรพจน์ แจ้งกระจ่าง หรือ "เพชร พระอุมา", ปฏิมา ผู้ถูกหาในคดีปาระเบิดหน้าราบ 1 บ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งทั้งหมดยังถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ

กิจกรรม “ยืนหยุดทรราช” เชียงใหม่ ซีซั่นแรก สิ้นสุดลงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังกิจกรรมยืนเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้แก่นักโทษการเมืองต่อเนื่องกันทุกวันเป็นระยะเวลา 197 วัน ร่วมสำรวจว่าชาวเชียงใหม่มีความคิดเห็นต่อการกลับมาของ “ยืนหยุดทรราช” ซีซั่น 2 ครั้งนี้อย่างไร

ภัควดี วีระภาสพงษ์

“เพราะว่าตอนนี้มีคนที่ไม่ได้รับการประกันตัว ถูกละเมิดสิทธิในการประกันตัวอีกแล้ว อาทิ ทานตะวัน, เอกชัย, น้องๆ ในกลุ่มทะลุแก๊ซอีก 3 – 4 คน นอกจากนี้ยังมีคนที่เราคิดว่าถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมอย่างคุณสมบัติ ทองย้อย เพราะกระบวนการยุติธรรมเป็นเช่นนี้ เราถึงต้องกลับมา”

ต่อคำถามที่ว่า คิดเห็นอย่างไรที่ตอนนี้มีกระแสการจับกุมคุมขังประชาชนหรือนักกิจกรรมด้วย ม.112 อีกครั้ง ภัควดีเห็นว่า “เพราะกฎหมายมาตรานี้มีปัญหาทั้งตัวบทและการใช้  ตราบใดที่ ม.112 ยังอยู่ไม่ถูกยกเลิกไปก็จะมีปัญหาแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น เราคิดว่าจะต้องมีการยกเลิกกฎหมายมาตรานี้ไปโดยสิ้นเชิง และในเรื่องทางกฎหมายเราคิดว่าจะต้องมีการทบทวนใหม่ทั้งหมด”

พิภพ อุดมอิทธิพงศ์

คิดเห็นอย่างไรที่ตอนนี้มีกระแสการจับกุมคุมขังประชาชนหรือนักกิจกรรมด้วย ม.112 อีกครั้ง พิภพเห็นว่า “ไม่เห็นด้วยต่อการใช้มาตรา 112 เพราะเป็นการจำกัดเสรีภาพด้านความคิด และรอบนี้ก็ชัดเจนว่ามีการตีความกฎหมายที่กว้างเกินกว่าเหตุ อย่างเช่นในคดีของคุณสมบัติ ทองย้อย มีการอ้างมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดมิได้ ซึ่งการละเมิดมิได้ควรจะหมายถึงภาระทางกฎหมาย การฟ้องร้อง การใส่ความ การกล่าวหาพระมหากษัตริย์ทำไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องการล้อเลียนเสียดสี และจริงๆ ในคำสั่งศาลในคดีคุณสมบัติศาลก็เห็นว่าเป็นการล้อเลียนเสียดสี ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาท เพียงแต่ศาลเอาโพสต์เฟซบุ๊กของคุณสมบัติทั้ง 3 อันมาโยงกัน ทั้งที่เจ้าตัวเขียนต่างกรรมต่างวาระคนละวันกัน แต่ศาลเอามาโยงกัน

ถ้าเราอ่านแต่ละโพสต์แยกกัน เราจะเห็นว่ามันไม่หมิ่นเลย ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ยกเว้นอันแรกที่เป็นการโพสต์ข่าวว่าที่ในหลวงตรัสว่า “เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ” ก็ไม่ได้เป็นการหมิ่นอะไร เขาก็ลงตามที่สื่อลง โพสต์ที่สองคุณสมบัติก็ไม่ได้พูดถึงใครเลย เพียงแต่บอกให้ลดงบประมาณ ข้อความทั้ง 3 โพสต์ถ้าอ่านแยกกันไม่ได้เป็นการหมิ่น

เหตุที่ต้องมายืนอีกก็เพราะมีการตีความกฎหมายเช่นนี้ และศาลกำลังทำการบัญญัติกฎหมายใหม่ว่าการล้อเลียนเสียดสีกระทำไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่ ม.112 เขียนไว้ชัดเจนว่าต้องเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ไม่ใช่ล้อเลียนเสียดสี ก็ต้องมายืนกันใหม่”

ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์

คิดเห็นอย่างไรที่ตอนนี้มีกระแสการจับกุมคุมขังประชาชนหรือนักกิจกรรมด้วย ม.112 อีกครั้ง ประสิทธิ์มีความเห็นว่า “เป็นการใช้กลยุทธ์แบบที่เราเคยเห็น พยายามให้เกิดความหวาดกลัวในสังคม ทำให้คนเลือกที่จะไม่พูด หลายครั้งก็ได้ผลคนก็จะเบี่ยงประเด็นไปพูดเรื่องอื่น การพูดถึงตัวสถาบันฯ รวมไปถึงการพูดถึงตัวกฎหมายมาตรานี้ควรเป็นสิ่งที่เราพูดได้อย่างสุจริตใจ เราต้องวิพากษ์วิจารณ์กันได้ การที่ ม.112 ถูกนำกลับมาใช้แสดงว่าเริ่มมีการข่มขู่ คุกคาม และทำให้เกิดความหวาดกลัวอีกครั้งหนึ่งจากสภาพสังคมปัจจุบัน เขาพยายามทำให้เราถอยออกจากการเคลื่อนย้ายของการต่อสู้”

นลธวัช มะชัย

ทำไม “ยืนหยุดทรราช” ซีซั่น 2 ถึงต้องกลับมา “เพราะว่ามีการจับกุมคุมขังอย่างไม่เป็นธรรมอีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้ต่างออกไปตรงที่ครั้งก่อนมันไม่มีเหตุผลอย่างไง ครั้งนี้ความไม่มีเหตุผลมันเพิ่มมากขึ้น และเราเห็นแนวโน้มของการถูกขบวนการในชั้นศาลมากขึ้น ด้วยความที่ม็อบเพิ่งเกิดมาไม่กี่ปีกระบวนการยังไม่ถึงในชั้นศาล อย่างมากที่สุดก็กำลังเดินทางไปสู่ศาล แต่ซีซั่นนี้เรื่องหลายเรื่องเข้าสู่ศาลและกระบวนการค่อนข้างจะเร็ว การยืนครั้งนี้อาจจะยาวนานกว่าเดิม เพราะเริ่มมีท่าทีที่จะหมายหัวซึ่งท่าทีแบบนี้ผมคิดว่าอันตราย อย่างเช่นกรณีเยาวชนกลุ่มทะลุวัง”

คิดเห็นอย่างไรที่ตอนนี้มีกระแสการจับกุมคุมขังประชาชนหรือนักกิจกรรมด้วย ม.112 อีกครั้ง “มันพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งว่าการต่อต้านไม่เคยหายไปไหน ตัวผู้มีอำนาจก็รู้เรื่องนี้ดี ก่อนหน้านี้เขาใช้ไม้จับไปขังและปล่อยออกมา ผมคิดว่าเขาใช้กระบวนการเดิม แต่เข้มข้นขึ้น มันยิ่งตอกย้ำสิ่งที่เรียกว่านิติสงครามมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้น่าสนใจ จากตุลาการภิวัตน์มาสู่นิติสงคราม และต่อไปจะกลายเป็นอะไร”

ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม

ทำไม “ยืนหยุดทรราช” ซีซั่น 2 ถึงต้องกลับมา “ยืนหยุดขังเองก็ทำได้เรื่อยๆ ในขณะที่ภาครัฐยังไม่หยุดหยิบกฎหมายมาตรา 112 หรือเครื่องมือในการจับกุมความคิดมาใช้ เราก็ต้องหยุดออกมายืน ออกมาต่อสู้ ออกมาเรียกร้อง และพาเพื่อนของเรากลับมา พูดง่ายๆ ว่าภาครัฐไม่หยุดก็ไม่เหตุผลอะไรที่เราจะต้องหยุด”

คิดเห็นอย่างไรที่ตอนนี้มีกระแสการจับกุมคุมขังประชาชนหรือนักกิจกรรมด้วย ม.112 อีกครั้ง “ผมคิดว่าภาครัฐน่าจะเริ่มกลัวหรือเริ่มสั่นคลอนอะไรบางอย่าง ที่มีคนรุ่นใหม่หรือประชาชนในประเทศเริ่มฉุดคิดได้ ตาสว่างในบางอย่างที่เขาเริ่มจะสั่นคลอน และหยิบเอาเครืองมือเดิมที่เขาเคยใช้กลับมาใช้อีกครบหนึ่ง”

 

ภาพบรรยากาศ

 

“ยืนหยุดทรราช” เชียงใหม่ ซีซั่น 2 จัดขึ้นทุกวันเสาร์ ณ ลานท่าแพ เวลา 17.00-18.12 น.

ผู้ที่สนใจสามารถไปร่วมกิจกรรมได้

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net