Skip to main content
sharethis

'เศรษฐา' สั่งการกรณี 'กากแคดเมียม' ให้ดำเนินการเร่งด่วน ตรวจสอบอย่างถูกต้องเป็นไปตาม EIA ไม่ให้กระทบประชาชน - ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ประกาศห้ามเข้าพื้นที่โรงงาน 90 วัน กรณีพบกากแคดเมียม 1.5 หมื่นตัน - สธ.ติดตามเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รองรับขนย้ายกลับ จ.ตาก เผยเหมืองต้นทางและสถานที่พักแร่ปิดทำการไปแล้วตั้งแต่ปี 2560 แต่ยังเฝ้าระวังต่อเนื่อง เตรียมแผนดูแลผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมชุมชนโดยรอบ


ที่มาภาพ: Thai PBS

6 เม.ย. 2567 เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่านายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสั่งการดำเนินการ กรณีสารแคดเมียมเพื่อ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยมีส่วนที่ดำเนินการแล้ว ดังนี้ 

ประเด็นเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ ได้ดําเนินการเก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมเพื่อตรวจสอบผลกระทบต่อชุมชนแล้ว โดยพื้นดินบริเวณชุมชนเหนือลมและท้ายลมในระยะ 10 เมตร ไม่พบปริมาณสารแคดเมียม และตรวจไม่พบไอ ระเหยสารเคมีในบรรยากาศ

ประเด็นสุขภาพแรงงานภายในสถานประกอบการ สาธารณสุขสมุทรสาคร ได้ตรวจสุขภาพแรงงานภายในสถานประกอบการแล้ว โดยจะทราบ ผลตรวจภายในวันที่ 7 เมษายน 2567

ประเด็นการบริหารจัดการกากแคดเมียม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร มีคําสั่งให้เคลื่อนย้ายกองกากแร่แคดเมียมที่อยู่ภายนอกโกดัง เข้าไปไว้ภายในโกดังโรงงานเพื่อไม่ให้เกิดการรั่วไหลของกากแคดเมียม ที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 และสําหรับกากแคดเมียมทั้งหมดได้มีคําสั่งให้ดําเนินการขนย้ายกลับไปยังแหล่งต้นทางโดยดําเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน

สําหรับการฝังกลบกากแคดเมียมให้ดําเนินการฝังกลบกากแคดเมียม ในพื้นที่เดิมให้ถูกต้องตาม EIA ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน

ในส่วนของ การตรวจสอบกากแคดเมียมที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงต่อความปลอดภัยนั้น นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ติดตามและนํากลับไป ฝังกลบ ติดตามการดําเนินการให้ถูกต้องและปลอดภัยตาม EIA ไม่ ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน

“นายกรัฐมนตรีติดตาม สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสารแคดเมียมอย่างต่อเนื่อง โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน รอบคอบ โปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน และให้ควบคุมอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีก” นายชัย กล่าว

ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ประกาศห้ามเข้าพื้นที่โรงงาน 90 วัน กรณีพบกากแคดเมียม 1.5 หมื่นตัน

Thai PBS รายงานเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2567 ว่าจากกรณีการพบการลักลอบขนย้ายกากแคดเมียมและสังกะสี 15,000 ตัน ถูกนำมาทิ้งไว้ภายในเขตบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร ต่อมา นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ลงนามในประกาศให้ปิดพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 90 วัน

จนกระทั่งมีกระแสข่าวในโลกออนไลน์ว่าประกาศดังกล่าว คือการประกาศให้เป็นพื้นที่เขตภัยพิบัติ ทีมข่าว Thai PBS ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับผู้ว่าฯ สมุทรสาคร โดยยืนยันว่า ยังไม่มีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ เพียงแต่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่ ที่พบสารเคมีเป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อให้อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครเข้าตรวจสอบ

เบื้องต้นพบว่า บริษัทต้นทางที่นำมาทิ้งในพื้นที่อยู่ จ.ตาก ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาให้นำมาเคลื่อนย้าย หากนำออกไปก็จะยกเลิกประกาศดังกล่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบกากสังกะสีและแคดเมียม บรรจุในถุงบิ๊กแบ็กขนาดใหญ่ จัดเก็บไว้ใน 2 อาคาร จำนวน 1,000 ถุง และบริเวณด้านนอกอาคารอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้

พนักงานให้ข้อมูลว่า บริษัทขนย้ายกากแคดเมียมและสังกะสี มาเก็บไว้ในพื้นที่ ตั้งแต่เดือน ส.ค.2566 ใช้เวลาขนย้าย 3 เดือน อ้างว่า ยังไม่มีการนำกากแคดเมียมและสังกะสี เข้าสู่กระบวนการหลอมแต่อย่างใด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 2 ข้อหา กับบริษัทกำจัดกากอุตสาหกรรม คือ ประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเก็บกากอุตสาหกรรมไม่เป็นไปตามที่แจ้งไว้ เพราะบริษัทแห่งนี้ขออนุญาตหลอมอลูมิเนียมแต่ไม่มีใบอนุญาตหลอมแคดเมียม

ด้าน กรมโรงงานอุตสาหกรรม ระบุว่า กากแคดเมียมที่ถูกขนย้ายมาเป็นกากอุตสาหกรรมที่เหลือจากกระบวนการถลุงแร่สังกะสี ของบริษัทแห่งหนึ่ง ใน จ.ตาก โดยมีการทำ EIA ให้ฝังกลบแบบถาวรภายในบ่อซีเมนต์ ซึ่งทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง

ขณะนี้ยังไม่พบรายงานผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งกากแคดเมียมและสังกะสี หากอยู่ในสถานะแข็งตัว และเก็บไว้ในสถานที่มิดชิด และไม่มีการชำระล้าง จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สธ.ติดตามเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รองรับขนย้ายกลับ จ.ตาก 

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2567 ว่า นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพจากกรณีพบการลักลอบเก็บสะสมกากแคดเมียมและสังกะสีจำนวนมากในโรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ว่า ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครได้สั่งการให้ขนย้ายกากแคดเมียมและสังกะสีทั้งหมดกลับไปยังบริษัทต้นทางที่จังหวัดตาก เพื่อกำจัดให้ถูกต้อง รวมถึงห้ามหล่อหลอมแคดเมียมในโรงงานจนทำให้เกิดฝุ่นหรือฟูมโลหะหนักในอากาศที่ส่งผลต่อประชาชนโดยรอบ พร้อมทั้งให้หน่วยงานรับผิดชอบตามกฎหมายเข้าควบคุม กำกับ การจัดการให้ถูกต้องตามมาตรฐาน โดยในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค และกรมอนามัย ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

นพ.สุรโชคกล่าวต่อว่า สำหรับเหมืองต้นทางในจังหวัดตาก ซึ่งเป็นเหมืองสังกะสีที่พบแคดเมียมอยู่ด้วย ทราบจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตาก ว่าหยุดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 แต่ยังคงเฝ้าระวังโรคที่เกิดจากแคดเมียม เช่น โรคอิไตอิไต มาอย่างต่อเนื่อง ส่วนสถานที่พักแร่ก่อนนำส่งมายังจังหวัดสมุทรสาคร ไม่มีการดำเนินการแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 และ 4 เมษายน ที่ผ่านมา กรมอนามัย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อเตรียมการรับการขนย้ายกากแร่ โดยในด้านสาธารณสุขดำเนินการ ดังนี้

1. กำหนดมาตรการและแผนการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพ และตรวจคัดกรองความเสี่ยงประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการขุด การทุบ กากแคดเมียมและสังกะสี ซึ่งก่อให้เกิดฝุ่นละอองที่อาจส่งผลระยะยาวกับประชาชนโดยรอบพื้นที่

2. มีการเฝ้าระวังด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในชุมชนโดยรอบ เน้นการตรวจวิเคราะห์สารแคดเมียมและสังกะสีปนเปื้อนน้ำอุปโภคบริโภค น้ำประปาชุมชน หรือประปาหมู่บ้าน รวมทั้งเก็บตัวอย่างอาหาร พืชผักที่จำหน่ายในตลาดเพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนในแหล่งอาหาร

3. โรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล แจ้งรายงานผู้ป่วยที่สงสัยได้รับผลกระทบจากการขุด ทุบ ขนกากแคดเมียมและสังกะสี พร้อมเฝ้าระวังผลกระทบสุภาพประชาชนในพื้นที่รอบที่ฝังกลบกากแคดเมียมและสังกะสี

4. เตรียมการสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพประชาชน และการสังเกตความผิดปกติของอาหารและน้ำที่รับประทานเป็นประจำ รวมถึงการแจ้งให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือกินอาหารกรณีที่พบการปนเปื้อน เพื่อลดความเสี่ยงสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net