สิ้นเสียงระเบิดที่ลาดจอดรถภายในโรงพยาบาล al-Ahli Arab ทางตอนเหนือ
ของฉนวนกาซา เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บรรยากาศของสงคราม ยิว-ปาเลสไตน์ ถูกยกระดับเพิ่มขึ้นพร้อมกับฉันทามติของชาวโลกที่เริ่มเปลี่ยนไป ความโหดเหี้ยมของการสังหารหมู่ชาวอิสราเอลกว่าพันสี่ร้อยคนโดยกลุ่มฮามาส ถูกกลบด้วยข่าวการสังหารผู้อพยพชาวปาเลสไตน์เกือบห้าร้อยคนที่ลานนอกอาคารโรงพยาบาล 

ความเห็นอกเห็นใจชาวอิสราเอล เริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่พรั่นพรึงกับการตอบโต้ของรัฐบาลอิสราเอล ชาวปาเลสไตน์สองล้านคนถูกปิดล้อมความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ไม่มีน้ำ ไฟฟ้า น้ำมัน อาหาร เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และของจำเป็นทุกอย่างในการดำรงชีวิต การโจมตีด้วยจรวดทุกวันทุกคืนพร้อมกับตัวเลขคนเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างสยดสยอง และเรื่องเล่าของความเจ็บปวดในครอบครัว ในชุมชน แพร่ขยายดุจไฟลามทุ่ง โดยเฉพาะในหมู่คนอาหรับมุสลิม

ก่อนที่จะเกิดปฏิบัติการของฮามาส บรรยากาศของสันติภาพในตะวันออกกลาง ดูจะมีพัฒนาการไปในทางที่มีความหวัง สงครามกลางเมืองในเยเมนอยู่ในระยะสงบศึก ซาอุฯกับอิหร่านกำลังเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ที่กำลังเติบโตไปพร้อมๆ กับความสัมพันธ์ระหว่าง อิสราเอล พวกเขาคาดหวังว่า บรรยากาศของสันติภาพที่กำลังงอกงามนี้ จะทำให้การแก้ปัญหาที่ซีเรียมีความเป็นไปได้มากขึ้น

ความคาดหวังและความหวาดกลัวที่จะเห็นดุลยอำนาจแบบใหม่ที่กำลังพัฒนาขึ้นในตะวันออกกลาง ถูกจับตามองจากหลายฝ่าย

นักวิเคราะห์ต่างลงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ความสัมพันธ์ที่กำลังเปลี่ยนไปในภูมิภาคนี้ เป็นอันตรายต่อการปลดปล่อยประเทศปาเลสไตน์ ภายใต้แนวทางของกลุ่มฮามาส

กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้ง ให้ปกครองดินแดนกาซามาตั้งแต่ปี 2006 และต้องการปลดปล่อยดินแดนที่ชาวปาเลสไตน์ถูกอิสราเอลยึดครอง จะได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น วาระการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์จะถูกแทนที่ด้วยเรื่องราวใหม่ๆ และโลกก็อาจลืมชาวปาเลสไตน์ เหมือนที่โลกลืมชาวพม่า ชาวอัฟกานิสถาน ชาวเวเนซูเอลา ซีเรีย และอักนับไม่ถ้วนที่กำลังถูกลืมทั้งปัจจุบันและในอดีต

จุดแข็งของกลุ่มฮามาสคือ การเป็นผู้ที่เคร่งครัดในความเชื่อของตนเอง และพร้อมที่จะเสียสละชีวิตของตนเองและของคนที่รักได้ ตามอุดมคติของตนโดยไม่หวั่นไหว มีประชาชนจำนวนมากในกาซา ที่เห็นด้วยกับแนวทางการต่อสู้กับอิสราเอลด้วยความรุนแรง บางส่วนจากความคับแค้นจากความตายของคนรอบข้าง บางส่วนจากความชิงชังจากเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ประชาชนจำนวนมากเหล่านี้ คือกำแพงมนุษย์ชั้นดีที่โลกตะวันตกให้ความสำคัญกับคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ในยุคที่โซเชียลมีเดียทำงานอย่างได้ผล

ฮามาสรู้ตัวดีว่า ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อกรกับอิสราเอลในการทำสงครามเต็มรูปแบบ ยุทธศาสตร์ที่เหมา เจ๋อ ตุง ใช้ในการปลดปล่อยประเทศจีน เป็นตัวอย่างคลาสสิคของสงครามที่เริ่มจากคนจำนวนไม่มาก เอาชนะกองทัพที่ใหญ่โตมโหฬารและมีมหาอำนาจหนุนหลัง แม้รายละเอียดจะต่างกัน แต่หัวใจของการทำสงครามยังคงมีแนวคิดรวบยอดแบบเดียวกัน คือการทำสงครามยืดเยื้อ หลีกเลี่ยงสงครามเต็มรูปแบบ ขยายอุดมคติให้กว้างขวางและดึงมวลชนให้เข้าร่วมการปลดปล่อย 

ยูวัล โนอาห์ แฮรารี ศาสตราจารย์ประวัติศาสตร์ชาวอิสราเอล ผู้เขียน หนังสือ Sapiens ที่โด่งดัง ได้ฉายภาพบางส่วนที่เกิดขึ้น การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวอิสราเอลอย่างฉับพลับ ด้วยวิธีการโหดเหี้ยม พร้อมกับแพร่ภาพผ่านโซเชียลมีเดียโดยไม่พยายมปิดบัง เป็นวิธีที่ฮามาสจงใจที่จะเพาะพันธุ์ความเกลียดชังให้ฝังลึกลงไปในความทรงจำของทั้งสองฝ่าย ความเกลียดชังที่จะเป็นเชื้อไฟของการทำลายล้างจนถึงที่สุด 

ฮามาสรู้ดีว่า ภายหลังการสังหารหมู่จะตามมาด้วยการตอบโต้อย่างรุนแรงของอิสราเอล จะมีชาวปาเลสไตน์จำนวนมากที่ต้องสละชีวิตในคราวนี้ แต่ยิ่งชาวปาเลสไตน์ถูกกระทำมากเท่าไหร่ ความไม่พอใจของชาวโลกต่อการสังหารพลเรือนชาวปาเลสไตน์จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งขยายวงเพิ่มขึ้น การปลดปล่อยดินแดนปาเลสไตน์ นอกจากต้องพึ่งความเสียสละของคนจำนวนมาก ยังต้องพึ่งการตอบโต้อย่างรุนแรงของรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งถึงแม้จะอ้างความชอบธรรมในการปกป้องตนเอง แต่ความตายของพลเรือนชาวปาเลสไตน์ที่เป็นเหยื่อของสงคราม จะยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้ฝังลึกลงไปในหมู่ชาวอาหรับและโลกอิสลาม

ความตายที่โรงพยาบาล al-Ahli Arab ทำให้ผู้คนลืมความโหดเหี้ยมของฮามาสที่กระทำต่อชาวอิสราเอล ยิ่งอิสราเอลใช้วิธีการรุนแรงเพิ่มมากขึ้น การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวอิสราเอลในหมู่บ้าน Kfar Aza, Sderot, Ashkelon จะค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำสั้นๆ ของคนร่วมสมัย อิสราเอลกำลังดำเนินไปในหนทางที่ตีบตันและไม่เห็นแสงสว่าง แบบเดียวกับที่ทหารอิสราเอลกำลังจะบุกเข้าไปกวาดล้างชาวฮามาสในอุโมงค์ใต้ดินของฉนวนกาซา 

ที่นั่น แคบ และ มืดจนมองไม่เห็นแม้แต่ฝ่ามือตัวเอง