Skip to main content
sharethis

‘สมัชชาคนจน’ ออกแถลงการณ์สมัชชาคนจน ฉบับที่ 1 ประณามรัฐบาลไม่จริงใจกับการแก้ปัญหาคนจน-ระบุถูกเจ้าหน้าที่ปิดทางเข้าบริเวณที่แจ้งการชุมนุม ไม่สมกับที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เป็นที่ละอายแก่ชาวบ้าน ชาวเมือง และประชาคมโลก

8 ต.ค. 2566 มติชนออนไลน์ รายงานว่าสมัชชาคนจน นัดหมายจัดการชุมนุมสาธารณะเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา บริเวณข้างกระทรวงศึกษาธิการ ถนนลูกหลวง กรุงเทพฯ โดยได้ดำเนินการแจ้งการชุมนุมสาธารณะแล้ว

บรรยากาศในช่วงเช้า ผู้ชุมนุมทยอยรวมตัว โดยบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเรียงแนวขวางเส้นทางการเข้าพื้นที่พร้อมโล่ ตัวแทนสมัชชาคนจนจึงเข้าเจรจาในการเปิดเส้นทาง

ต่อมา เมื่อเวลาราว 17.00 น. สมัชชาคนจนแถลงข้อเสนอ “เร่งเครื่อง เร่งแก้ไขปัญหาคนจน”

ทั้งนี้ เมื่อ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา นายไพฑูรย์ สร้อยสด เลขาธิการสมัชชาคนจน เผยว่า ทางสมัชชาคนจนก็ยังจะชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้มีการปัญหาของสมัชชาคนจน โดยขออนุญาตไว้ประมาณ 2 เดือน จนกว่าการเจรจาจะยุติ ขึ้นอยู่กับการเจรจาและความจริงใจของรัฐบาล

“ข้อเรียกร้องของสมัชชา ประเด็นหลักคือปัญหาที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นที่ดินสาธารณะ ปัญหาของป่าไม้ ในเรื่องของปัญหาเขื่อน ปัญหาของพี่น้องแรงงาน ส่วนหนึ่งจะมีพี่น้องสวนมะพร้าวมาด้วย” นายไพฑูรย์กล่าว

เมื่อถามว่า ลำบากใจกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่?

นายไพฑูรย์กล่าวว่า สมัชชาคนจนไม่ได้เจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกในการชุมนุม เรื่องเหล่านี้เราเผชิญมาทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งการชุมนุมในระดับท้องที่ เราก็โดนดันอยู่เสมอมา

“โดยภาพรวมกำลังใจของพี่น้องยังคงมุ่งมั่นในการที่จะทำให้ชีวิตและปากท้องดีขึ้น ดังนั้น ผมจึงคิดว่าการที่รัฐบาลพยายามที่จะใช้กำลัง หรือตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมายต่างๆ ที่ลิดรอนเสรีภาพ สิทธิของเรา ที่จะทำให้เราจนไปกว่าเดิมอีก คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะอย่างน้อยที่สุดรัฐบาลนี้ก็มาจากการเลือกตั้ง ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเก่าก็ตาม คิดว่าคงจะมีความเป็นอารยชนกันมากขึ้น” นายไพฑูรย์เผย

เมื่อถามว่า ตอนนี้สังคมบางส่วนตั้งคำถามว่ารัฐบาลนี้เพิ่งได้เข้ามาทำงาน ทำไมไม่ให้เวลากับรัฐบาลในการแก้ปัญหาก่อนค่อยออกมาชุมนุม?

นายไพฑูรย์กล่าวว่า ภายใต้กลไกของการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งคณะกรรมการ หรือกลไกในการดำเนินการแก้ไขปัญหา เมื่ออายุรัฐบาลสิ้นสุดลง อำนาจเหล่านั้นก็จะสิ้นสุดตามลงไปด้วย

“มันจะเกิดช่องว่างให้ชาวบ้านถูกกระทำ ถูกรุกหนักจากในส่วนของภาคราชการ หรือในส่วนอื่นที่มาสร้างผลกระทบให้กับพี่น้อง ดังนั้น มันมีความจำเป็นที่จะเข้ามาเจรจา หาข้อยุติในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องสมัชชาคนจน อันนี้เป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง

ที่ถามว่าทำไมไม่รอให้เขาจัดการก่อน ประเด็นคือว่า ถ้าหากในระดับพื้นที่มันจัดการได้ เราไม่มีความจำเป็นที่จะลงมาที่ทำเนียบรัฐบาล ในเมื่ออำนาจศูนย์กลาง อำนาจในการสั่งการมันอยู่ที่นี่ ที่กรุงเทพฯ ผมคิดว่าไม่มีพี่น้องกลุ่มไหนที่อยากจะมานอนกลางดิน กินกลางทราย นอนตากแดด ตากลมอยู่ที่หน้าทำเนียบ” นายไพฑูรย์เผย

ด้าน นายบุญยืน สุขใหม่ ทนายความสมัชชาคนจน กล่าวเสริมว่า แม้รัฐบาลนี้จะเป็นรัฐบาลชุดใหม่ แต่รัฐมนตรีหลายคนก็ยังเป็นคนเดิม เปลี่ยนแค่นายกรัฐมนตรี เพียงแค่อาจจะสลับกระทรวงกัน เพื่อที่จะดูเหมือนใหม่ขึ้น

“คิดว่ารัฐบาลชุดนี้ทราบถึงปัญหาจากรัฐบาลที่ผ่านมาแน่นอน เพราะรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสมัชชาคนจนก็ยังคงเป็นรัฐมนตรีอยู่ ผมคิดว่ามันก็ยังสามารถที่จะเดินต่อเนื่องจากเดิมได้” นายบุญยืนกล่าว

อ่านแถลงการณ์สมัชชาคนจน ฉบับที่ 1 "ขอประณามรัฐบาลเศรษฐา กับการแก้ไขปัญหาคนจน"

The Reporters รายงานว่ากลุ่มสมัชชาคนจน อ่านแถลงการณ์สมัชชาคนจน ฉบับที่ 1 "ขอประณามรัฐบาลเศรษฐา กับการแก้ไขปัญหาคนจน" ระบุว่าสมัชชาคนจน เป็นองค์กรชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐ ผลกระทบเหล่านั้นได้ทำให้พวกเราต้องจนสิทธิ จนอำนาจ จนโอกาสและถูกทำให้จน เราจึงได้รวมตัวกันต่อสู้เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาของพวกเรามาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในทุก ๆ รัฐบาล แม้ว่าหลายปัญหาได้รับการแก้ไขเสร็จสิ้นลุล่วงไปแล้วแต่ก็ยังคงมีอีกหลายปัญหาที่ยังแก้ไขไม่เสร็จสิ้น เราไม่เคยเป็นศัตรูกับรัฐบาลไหน ยกเว้นรัฐบาลเผด็จการทหาร เพราะสิ่งที่เราเรียกร้องต้องการคือการแก้ไขปัญหาด้วยความเป็นประชาธิปไตย 

เราไม่ได้สนใจแม้กระทั่งว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลแต่ละชุดอาจจะไม่สง่างามไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่ไปแอบตั้งในค่ายทหารหรือรัฐบาลที่มาจากการหักหลังเพื่อนนักการเมืองด้วยกันเอง ตราบใดที่ยังอยู่ในกติกาที่ยอมรับได้ เราก็ถือว่ารัฐบาลนั้นมีความชอบธรรมในการแก้ไขปัญหาให้กับสมัชชาคนจน และในเมื่อรัฐบาลเศรษฐาเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งเราก็ได้พิจารณาเห็นแล้วว่า คณะรัฐมนตรีที่เข้ามารับตำแหน่งนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นคนหน้าเดิม ๆ ที่เคยเจอกันเมื่อ 10 - 20 ปีที่แล้วด้วยซ้ำไป 

ในขณะที่ปัญหาข้อเรียกร้องของสมัชชาคนจนในช่วง 10 - 20 ปีที่ผ่านมาก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้น การแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้องของเราจึงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ประการใด ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องให้รัฐบาลศึกษางานเสียก่อน ประกอบกับความเดือดร้อนเฉพาะหน้าอันมาจากน้ำท่วม อันเนื่องมาจากนโยบายคาร์บอนเครดิตที่กำลังเข้ามาแย่งยึดที่ดินของเรา เราจึงได้แจ้งการชุมนุมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบตามกฎหมายทุกประการ แต่ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับสร้างเงื่อนไขในการชุมนุมขึ้นมาโดยอ้างว่าเราชุมนุมอยู่ห่างจากรอบทำเนียบรัฐบาลไม่เกิน 50 เมตร และในเมื่อเรายืนยันว่าจะชุมนุมในบริเวณถนนลูกหลวงฝั่งข้างกระทรวงศึกษาธิการทางตำรวจก็ยังคงยืนยันเช่นเดิม จนเราต้องใช้ตลับเมตรไปวัดสถานที่เพื่อให้เห็นว่าพื้นที่ที่เราชุมนุมนั้นห่างจากบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลเกินกว่า 50 เมตร และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มาวัดซ้ำอีกครั้ง และได้ระยะที่ใกล้เคียงกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับยืนยันให้ไปชุมนุมหน้าสำนักงานสหประชาชาติ ซึ่งจะเป็นการรบกวนต่อการสัญจรไปมายิ่งกว่าเดิมอีกทั้งเป็นการยากในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุมด้วย ซึ่งเราไม่เห็นด้วยและยืนยันที่จะใช้สิทธิเสรีภาพของเราตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญและตามกฎบัตรสหประชาชาติต่อไป"

แถลงการณ์ ระบุว่า มีกำลังตำรวจตั้งด่านสกัดไม่ให้เข้ามาถึงบริเวณที่แจ้งการชุมนุม อีกทั้งยังมีรั้วสังกะสีกั้นไม่ให้รถบัสเข้ามาได้อีกด้วย ทั้งที่ 2 - 3 วันก่อนการชุมนุมได้มีการประสานงานด้วยวาจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา และวันนี้ผู้ชุมนุมพยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เปิดพื้นที่ให้ แต่กลับถูกปฏิเสธ และให้เข้าไปชุมนุมในถนนลูกหลวง ซึ่งถูกปิดทางไม่ให้เข้า

"เราขอประณามการกระทำดังกล่าวของรัฐบาล ว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายเลวทราม ไม่จริงใจกับการแก้ปัญหาคนจน ไม่สมกับที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเป็นที่ละอายแก่ชาวบ้าน ชาวเมือง และประชาคมโลกเป็นยิ่งนัก และเราจะเผยแพร่การกระทำของรัฐบาลนี้ไปทั่วโลก เพื่อเป็นการประจานการทำงานของรัฐบาลต่อไป และเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อการกระทำในครั้งนี้ด้วย การเร่งดำเนินการเจรจากับเราเพื่อหาข้อยุติในการแก้ไขปัญหาของเราต่อไป" 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net