Skip to main content
sharethis

สภาเด็กและเยาวชนนำเสนอปัญหาเร่งด่วนที่ส่งผลต่อเด็กและเยาวชนไทยต่อนายกรัฐมนตรี ระบุเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกว่าผู้ใหญ่ในสังคมไม่ได้รับฟังเสียงของพวกเขา และนำเสียงของพวกเขาไปพิจารณาอย่างจริงจังมากนัก

6 พ.ค. 2567 สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย นำโดย นางสาวนดา บินร่อหีม ประธานสภาเด็กเเละเยาวชนเเห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเเละคณะทำงาน ได้เข้าเยี่ยมคารวะ และนำเสนอมติสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ปี 2566 ต่อ ฯพณฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอสถานการณ์ปัญหา และข้อเสนอที่ปัญหาเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนไทยในปัจจุบัน

โดยสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยในฐานะองค์กรกลางตามกฎหมายของเด็กและเยาวชน ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ได้รวมรวมความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนในเรื่องต่าง ๆ ผ่านการจัดทำแบบสำรวจออนไลน์ในกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี จำนวน 33,580 คนระหว่างวันที่ 15 พ.ค. - 30 มิ.ย. 2566 และการจัดเวทีสมัชชาเด็กและเยาวชนในวันที่ 22 – 24 ก.ค. 2566 ซึ่งมีผู้แทนจากเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ เข้าร่วมจำนวน 200 คน และได้จัดทำเป็นรายงานมติสมัชชาและข้อเสนอเชิงนโยบายที่มาจากเสียงสะท้อนของเด็กและเยาวชน ใน 6 ประเด็น ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ สิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วม เศรษฐกิจ และความรุนแรง ดังนี้

ประเด็นเศรษฐกิจและการมีงานทำ จากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนและต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลกระทบในด้านรายได้และเริ่มกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัว

ประเด็นการศึกษา การเข้าถึงหลักสูตรของโรงเรียนที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการของเยาวชน และบางหลักสูตรที่ไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน เป็นประเด็นสำคัญที่เด็กและเยาวชนควรมีส่วนร่วมในการวางแผนการศึกษา

ประเด็นสุขภาพ ปัญหาทางด้านอารมณ์และปัญหาทางด้านจิตใจ และยังขาดการเข้าถึงของหน่วยงานของรัฐที่จะให้ข้อมูลหรือคำปรึกษา  

ประเด็นความรุนแรง การกลั่นแกล้ง การล้อเลียน การใช้ความรุนแรงทางโลกออนไลน์หรือภัยรูปแบบใหม่ที่ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐเข้ามามีบทบาทผู้รับผิดชอบในการดูแลเด็กและเยาวชนให้ปลอดภัยในโลกออนไลน์

ประเด็นสิ่งแวดล้อม ปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 สถานการณ์ไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และชีวิตของเด็กและเยาวชนอย่างมาก

ประเด็นการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกว่าผู้ใหญ่ในสังคมไม่ได้รับฟังเสียงของพวกเขา และนำเสียงของพวกเขาไปพิจารณาอย่างจริงจังมากนัก

ทั้งนี้ รายงานสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2566 ยังได้ไฮไลต์ประเด็นสำคัญจากผลสำรวจความคิดเห็นของเด็กและเยาวชน ยกตัวอย่างเช่น

เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ไม่แน่ใจหรือไม่เห็นด้วยว่าหลักสูตรของโรงเรียนที่มีอยู่ในปัจจุบันสอดคล้องกับความต้องการของตนเอง เมื่อถามว่าหลักสูตรการศึกษาปัจจุบันช่วยพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 หรือโลกอนาคต หนึ่งในสามหรือร้อยละ 33 ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่แน่ใจ และอีกร้อยละ 7 รู้สึกไม่เห็นด้วย

เด็กและเยาวชนประมาณ 1 ใน 3 ไม่แน่ใจหรือไม่คิดว่าโรงเรียนปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน โดยร้อยละ 26 ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่แน่ใจว่าโรงเรียนของพวกเขาเป็นสถานที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับเด็กและเยาวชนทุกคน และอีกร้อยละ 7 สะท้อนว่าโรงเรียนยังไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยหรือเป็นมิตรกับทุกคน

ร้อยละ 7 ของเด็กและเยาวชนที่ตอบแบบสอบถามสะท้อนว่ามีความคิดอยากฆ่าตัวตายในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยกลุ่ม LGBTIQ+ ตอบข้อนี้มากที่สุดถึงร้อยละ 18 หรือเกือบ 3 เท่าของค่าเฉลี่ย นอกจากนี้เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ไม่แน่ใจว่าจะไปขอรับบริการสุขภาพจิตได้ที่ไหน

ปัญหาความรุนแรงในโลกออนไลน์เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญของเด็กและเยาวชนยุคปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่ โดยร้อยละ 55 ของเด็กและเยาวชนที่ตอบแบบสอบถามมองว่า การกลั่นเเกล้งเเละล้อเลียนทางอินเตอร์เน็ตเป็นปัญหาความรุนแรงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด รองลงมาคือปัญหาการพนันออนไลน์ (ร้อยละ 44) เเละอันดับที่สามคือการติดเกม (ร้อยละ 32) นอกจากนี้เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ไม่แน่ใจว่าจะไปขอความช่วยเหลือได้ที่ไหนหากประสบปัญหาในโลกออนไลน์

เด็กและเยาวชนที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกว่าผู้ใหญ่ในสังคมไม่ได้รับฟังเสียงของพวกเขา และนำเสียงของพวกเขาไปพิจารณาอย่างจริงจังมากนัก โดยให้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 5 จาก 10 คะแนน

หลังจากการนำเสนอมติ ฯ ดังกล่าว  นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับการนำเสนอข้อมูลของน้อง ๆ วันนี้สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของน้อง ๆ ที่มาจากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ซึ่งการเรียนรู้และการยอมรับในมุมมองของเยาวชน นับเป็นก้าวแรกในการสร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วมภายใต้ความหลากหลาย โดยเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือและความพยายามร่วมกันของทุกคน เราสามารถสร้างประเทศไทยให้เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยโอกาสที่ดีและความคิดสร้างสรรค์ได้

นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับทุก ๆ ข้อเสนอที่ถูกนำมาเสนอ ซึ่งถือเป็นเสียงสำคัญของเยาวชนของชาติ โดยจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนสร้างอนาคตที่ดีให้กับเยาวชนของเรา พร้อมฝากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยทุกคนในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญในการสร้างความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ขอให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ทำหน้าที่ของตนเองในทุกบทบาทให้เต็มที่บนพื้นฐานความถูกต้อง ดีงามและสร้างสรรค์ เคารพในความคิดเห็นที่หลากหลาย เพื่อทำให้สังคมไทยมีแต่ความรัก ความสามัคคีและเหนือสิ่งอื่นใดคือการยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ

นางสาวนดา บินร่อหีม ประธานสภาเด็กเเละเยาวชนเเห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาเด็กและเยาวชนมุ่งมั่นที่จะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศร่วมเป็นหุ้นส่วนในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของประเทศ โดยจะผลักดันให้เด็กและเยาวชนเป็นเป้าหมายของการวางนโยบายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษาให้ทันยุคสมัยและตอบสนองความต้องการของผู้เรียน การจัดบริการให้กับเด็กเข้าถึงได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง การสร้างพื้นที่ปลอดภัย ตลอดจนนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ พวกเราหวังว่าจะสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการความท้าทายที่เด็กและเยาวชนต้องเผชิญในปัจจุบันและอนาคต

 

สามารถติดตามข้อเสนอมติสมัชชาเด็กและเยาวชนเพิ่มเติมได้ที่ >> รายงานสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2566 | UNICEF Thailand 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net