Skip to main content
sharethis

'เศรษฐา' พบปะประชาชนที่แห่ชูป้ายข้อความต้อนรับที่ จ.ร้อยเอ็ด ถามหาเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะได้เมื่อไหร่ ยืนยัน ได้ไม่เกินเดือน ธ.ค. 67 นี้ - 'ภูมิธรรม' ชี้ ธปท. ไม่ใช่องค์กร หรือสถาบัน ที่อยู่เหนือการเมือง ที่ประชาชนจะกล่าวถึงหรือวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้


ที่มาภาพ: สำนักข่าวไทย

5 พ.ค. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดกลางอุดมเวทย์ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นพื้นที่ของนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส. ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย

โดยนายกรัฐมนตรี ได้กราบพระครูอดุลย จันทคุณ เจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์ และรับมอบหนังสือประวัติองค์พระมหาธาตุ วัดกลางอุดมเวทย์ ภาพอดีตเจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์ ภาพพระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ และเครื่องราง พร้อมเชิญชวนนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานงานบุญ บั้งไฟ พนมไพร ประจำปี 2567 วันที่ 20-22 มิ.ย. นี้ด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้พบปะประชาชนที่มารอต้อนรับ โดยชาวบ้านได้ชูป้ายข้อความต่างๆ เช่น “รักนายกฯ เศรษฐา” “รักรัฐบาลเศรษฐา รัฐบาลประชาชน คนยากจนได้ลืมตาอ้าปากได้” “รักษาฟรี” “รักอุ๋งอิ๋ง” “รัก รมต. น้ำ” “ระบบน้ำชลประทาน” “ค่าตอบแทน อสม.” “รอเงินหมื่นดิจิทัล” “10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต หวังคนไทย ความหวังของเรา ใครอย่ามาขัดขวางความเจริญ” ซึ่งชาวบ้านที่ถือป้ายดิจิทัลวอลเล็ต ได้สอบถามนายกรัฐมนตรี ว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะได้เมื่อไหร่ นายกรัฐมนตรี จึงตอบกลับว่า ไม่เกินธันวาคมนี้แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านได้ขึ้นป้ายต้อนรับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีการประชาสัมพันธ์ว่าจะเดินทางมากับคณะนายกรัฐมนตรีด้วย แต่ปรากฏว่านางสาวแพทองธาร ไม่ได้เดินทางมาด้วย แต่มารอที่จุดสุดท้ายที่โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ซึ่งเป็นจุดที่พรรคเพื่อไทยจัดเวที “เพื่อไทยพบประชาชน” ที่ จ.ร้อยเอ็ด และมีประชาชนมารอต้อนรับจำนวนมากเต็มพื้นที่โดมลานกีฬาของโรงเรียน

'ภูมิธรรม' ชี้ ธปท.ไม่ใช่องค์กรที่วิจารณ์ไม่ได้

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความผ่านฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการกล่าววิสัยทัศน์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บนเวทีงาน “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจ โดยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ในขณะนี้ว่า “แบงก์ชาติ ไม่ใช่องค์กร หรือสถาบันที่ ประชาชนจะกล่าวถึงหรือวิพากษ์ วิจารณ์ หรือแตะต้องไม่ได้

เจตจำนงพรรคเพื่อไทยที่หัวหน้าพรรค นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้สื่อสารกับสังคมถึงกรณีแบงค์ชาติในวันประชุมของพรรคที่ผ่านมา

สำหรับผมคือการแสดงออกอย่างเปิดเผย จริงใจ และห่วงใยที่แบงค์ชาติยังยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้อย่างเดิมโดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบด้านต่าง ๆ ซึ่งประชาชน (ที่เป็นลูกหนี้แบงก์และประชาชนทั่วๆไป) กำลังเผชิญชีวิต ดิ้นรนอยู่ภายใต้ ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างแสนสาหัส

สื่อมวลชนเองก็รับรู้กระแสข่าวเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ความคิดของคนในสังคมต่อประเด็นนี้ก็มีความหลากหลาย และประเด็นการตัดสินใจของแบงก์ชาติก็เป็นกระแสความเห็นต่างกันอย่างกว้างขวางในสังคม

แต่แปลกใจว่าทำไมเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสะท้อนความคิดบ้าง จึงเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ แบบมุ่งโจมตีด้วยอคติอย่างไร้เหตุผล

การแสดงความเห็นต่อกรณีแบงค์ชาติในวันประชุมของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ผมเชื่อมั่นว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกำลังทำหน้าที่สะท้อนความเห็นอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาต่อแบงก์ชาติ ในฐานะที่องค์กรนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาและดูแลระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ความเห็นดังกล่าวมีนัยที่สะท้อนถึงความห่วงใยต่อผลกระทบจากภาระทางเศรษฐกิจที่บีบคั้นชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งกำลังเดือดร้อน และแบกรับความยากลำบากอยู่

ท่าทีของการแสดงความคิดทางการเมืองของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจึงเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย และสำนึกความรับผิดชอบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

อีกทั้งยังเป็นการนำเสนอในเวทีของพรรคการเมือง ประกอบด้วยกรรมการและสมาชิกพรรค ที่ต่างต้องมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการแสวงหาแนวทาง มาตรการ ทางเลือก เพื่อช่วยกันคิด และจัดการภาวะเศรษฐกิจของประเทศ

จึงเป็นสิทธิที่สามารถพูดได้ ออกความเห็นได้ และเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ ไม่ว่าจะในฐานะพลเมือง หรือหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีความห่วงใยประชาชน ห่วงใยบ้านเมือง ผมเห็นว่าการแสดงความเห็นโดยสุจริตใจในครั้งนี้จะเป็นการกระตุกให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องได้ช่วยกันคิด ไตร่ตรองหาเหตุผลให้เห็นทางออกมากขึ้น

ความเป็นจริง แบงก์ชาติไม่ใช่สถาบันที่อยู่เหนือการเมือง ไม่ใช่องค์กรที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ตรงข้าม แบงก์ชาติคือกลไกของระบบเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ ที่ประชาชนทุกฝ่ายเข้าถึง เสนอความคิดเห็นได้


แม้จะมีขอบเขตหน้าที่หลักทางเศรษฐกิจ ก็ไม่ได้หมายความว่าแบงก์ชาติไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง และชีวิตของประชาชน

การที่ประชาชนทั่วไปหรือพรรคการเมืองกล่าวถึงแบงก์ชาติ หรือวิพากษ์วิจารณ์ เสนอความเห็นต่อแบงก์ชาติ ก็ไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการเสนอเพื่อให้มุมมองทางเลือกอื่นๆ ที่เหมาะสมมากกว่าในบริบทสถานการณ์ที่เป็นอยู่

การที่สื่อบางบุคคล บางสำนักมีอคติต่อพรรคเพื่อไทย และนำความเห็นบางส่วนของหัวหน้าพรรคมาวิพากษ์อย่างรุนแรง และขยายความตามอคติของตนบวกด้วยการใส่สีตีข่าว เป็นการทำข่าวด้วยอคติมากกว่าข้อเท็จจริง

ผมเฝ้ามองคนข่าวหรือสำนักข่าวบางคนบางส่วน ที่ยังติดยึดอยู่กับอคติเดิมแล้วการใช้พื้นที่ข่าวของตนเป็นพื้นที่ละเลงอคติและขยายความขัดแย้งอยู่เนืองๆ ก่อและปั่นกระแสขัดแย้งในสังคม โดยไม่คำนึงถึงสิทธิและความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว

ผมขอยืนยันว่า กรณีแบงก์ชาติยังเป็นประเด็นที่สังคมยังสะท้อนความเห็นและสื่อสารกันได้ โดยใช้ความรู้และปัญญาที่รอบด้านมากกว่าการใช้จินตนาการที่มีแต่อคติ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม”


ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2]


 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net