Skip to main content
sharethis

ดิป มาการ์ ผู้แทน 'OHCHR' ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ชุมนุม 'สมัชชาคนจน' รับฟังปัญหาการปิดกั้นการชุมนุม ความคืบหน้าในการเจรจากับรัฐบาล ยังหาข้อยุติไม่ได้อีก 5-7 เรื่อง

 

24 ต.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งวานนี้ (23 ต.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ดิป มาการ์ เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนและหัวหน้าทีมประเทศไทย สำนักงานข้อหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (OHCHR) ลงพื้นที่ชุมนุมของสมัชชาคนจน บริเวณถนนลูกหลวง ข้างกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชนตลอดการชุมนุมเจรจาแก้ไขปัญหาร่วม 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ไพฑูลย์ สร้อยสด เลขาธิการสมัชชาคนจน ได้พูดถึงข้อกังวลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา โดยเฉพาะพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจนับตั้งแต่วันแรกที่มีการสกัดกั้นการเข้าพื้นที่ชุมนุมเจรจาแก้ไขปัญหา ทั้งๆ ที่ได้มีการแจ้งการชุมนุมไว้แล้ว ร่วมทั้งพฤติกรรมการคุกคามทางเพศโดยการถ่ายรูปผู้หญิงที่กำลังอาบน้ำในช่วงการชุมนุม 3 วันแรกซึ่งตำรวจเข้ามาใช้รถห้องน้ำร่วมกับชาวบ้าน

ไพฑูลย์ ระบุต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการประกาศห้ามชุมนุมในระยะ 50 เมตรจากทำเนียบรัฐบาล ทั้งๆ ที่อยู่ห่างและเราได้มีการแจ้งการชุมนุมอย่างเป็นทางการจนเราต้องวัดระยะห่างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดู รวมทั้งในการเดินขบวนไปเจรจาแก้ไขปัญหาตามนัดหมายกับผู้แทนรัฐบาลพวกเราก็ถูกตำรวจปิดกั้นทุกครั้งที่เราเดินทางไปเจรจา ทางเราจึงยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) และเสนอให้ยกเลิก พ.ร.บ.ชุมนุม เพราะตำรวจผลักดันกฎหมายนี้แต่กลับเป็นผู้ละเมิดกฎหมายนี้เสียเอง

ไพฑูลย์ ระบุต่อว่า ในส่วนของการเจรจาแก้ไขปัญหากับรัฐบาลถึงวันนี้ (23 ต.ค.) เรามีเรื่องเจรจาที่ยังไม่ได้ข้อยุติอีกประมาณ 5-7 เรื่อง โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้แทนรัฐบาล สมัชชาคนจนจึงได้ยื่นข้อเสนอพร้อมกรอบการเจรจราการแก้ไขปัญหาระหว่างสมัชชาคนจนกับรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2566 โดยภายหลังการเปิดเจราเมื่อวันที่ 11 ต.ค.นั้น นับว่าผลการเจรจาเป็นที่ยอมรับได้ในระดับหนึ่ง และมีการเจรจาอย่างต่อเนื่องตามรายกรณีปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังพบว่ามีปัญหาที่ไม่สามารถเจราจาได้ คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงแรงงาน ที่ยังไม่สามารถเจรจาและไม่ได้รับความรับมือเท่าที่ควรเหมือนกระทรวงอื่นๆ โดยนัดหมายดำเนินการเจราจาต่อในวันที่ 24 ต.ค.ที่จะถึงนี้  

ด้านบารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าในการเจรจาการแก้ไขปัญหาในกรณีปัญหาที่ยังติดขัดและไม่ได้รับความร่วมมือ คือ กระทรวงทรัพยากรฯ และกระทรวงแรงงาน ที่ยังไม่มีความก้าวหน้า เพราะกระทรวงแรงงานเหมือนไม่มีตัวตนในการเจรจรา หรือกรณีเขื่อนราศีไศล หรือกรณีอื่นๆ แม้ว่าจะผ่านไปแล้ว แต่เราก็ยังไม่มั่นใจว่า ผลการเจรรจาเหล่านั้นจะบรรลุผล เพราะที่ผ่านมาเราเองก็ไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง ส่วนกรณีป่าไม้ที่ดินก็เป็นการเอาที่ดินของชาวบ้านไปทำคาร์บอนเคดิตให้เราปลูกต้นไม้ให้รัฐบาลเอาไปขาย เมื่อครบกำหนดขายก็จะให้เราออกจากที่ดิน แล้วเราจะไปอยู่ตรงไหน การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศที่ไม่เป็นธรรม  ส่วนปัญหาด้านเกษตรก็เป็นการละเมิดสิทธิเกษตร เราจึงเสนอให้รัฐยอมรับและผลักดันปฏิญญาสิทธิเกษตรกรและบุคคลอื่นผู้อยู่ในชนบท ซึ่ง UN เพิ่งรับรองไป จึงอยากฝากไปยัง UN ให้ช่วยผลักดันไปยังรัฐบาลเช่นกัน 

หลังจากฟังรายงานจากตัวแทนสมัชชาคนจน ดิป มาการ์ ได้กล่าวว่า ขอบคุณสมัชชาคนจน และยินดีผลักดันปฏิญญาสิทธิเกษตรกร ซึ่งไทยได้ลงนามในกฎหมายระหว่างประเทศที่ตรงกับการเรียกร้องของสมัชชาคนจนพอดี ประเทศไทยมีแผนปฏิบัติการเรื่องเศรฐกิจและมนุษยชน ซึ่งเป็นกรอบที่เราจะทำงานร่วมกันได้ สิ่งที่สมัชชาคนจน ทำอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องที่เราอยากให้สมัชชาคนจนช่วยแนะนำ เพื่อให้พวกเราได้ร่วมกันผลักดันและสร้างความร่วมมือไปด้วยกัน  

ผู้แทน OHCHR กล่าวต่อว่า ถ้าหลังจากนี้ยินดีและพร้อมลงพื้นที่ไปเยี่ยมผู้ชุมนุมสมัชชาคนจนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ 

ทั้งนี้ บารมี ชัยรัตน์ ได้กล่าวขอบคุณ OHCHR ที่จะนำข้อกังวลของสมัชชาคนจนไปร่วมผลักดัน พร้อมทั้งกล่าวสำทับอีกว่า "เราก็ต้องการกลับบ้านทุกวัน เพราะข้าวในนาก็ตั้งท้องรอเก็บเกี่ยว แต่การเจรจราก็ยังไม่ได้รับข้อยุติ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net