‘จิรัฏฐ์’ ผิดหวังนโยบายรัฐบาลไม่ได้ปฏิรูปกองทัพจำนวนนายพลมีแต่เพิ่ม ย้ำปมธุรกิจกองทัพกับความไม่โปร่งใส พร้อมตั้งคำถามจะเชื่อคำพูดกองทัพได้อย่างไร หวัง ‘สุทิน’ จัดการไม่ใช่เป็นแค่โฆษกกองทัพ พร้อมบอก ‘เศรษฐา’ จี้กรมธนารักษ์จัดการการใช้ที่ดินของกองทัพที่เอามาทำธุรกิจ

12 ก.ย.2566 ที่รัฐสภา เกียกกาย จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องการจัดการกองทัพ ทั้งเรื่องนโยบายของกองทัพที่ไม่เป็นจริงจำนวนนายพลที่เพิ่มขึ้นตลอดหลายปี ย้ำปัญหาธุรกิจกองทัพยังเพิ่มจำนวน การทุจริตใช้ระบบเส้นสายในการจัดซื้อจัดจ้างยังมี

จิรัฏฐ์สะท้อนว่านโยบายของรัฐบาลใหม่นี้เป็นที่น่าผิดหวัง เพราะพรรคเพื่อไทยพูดเรื่องการปฏิรูปกองทัพมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนมีพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ด้วยซ้ำ และยังเป็นพรรคที่โดนทหารยึดอำนาจรัฐประหารมาแล้วถึง 2 รอบ ตนคิดไปเพื่อไทยจะเป็นแนวหน้าในการปฏิรูปกองทัพ แต่ในการแถลงนโยบายกลับไม่มีคำว่าปฏิรูปกองทัพแม้แต่คำเดียว แต่นายกฯ เพิ่งบอกว่าอยากให้เป็นการพัฒนาร่วมกัน ซึ่งเป็นคนละความหมายและใช้แทนกันไม่ได้เลย

สส.จากก้าวไกลยังกล่าวถึงเรื่องการลดจำนวนนายพลที่ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ว่ากองทัพมีความตั้งใจจะลดจำนวนนายพลอยู่แล้วภายในปี 2570 ยิ่งทำให้เขาผิดหวังที่เชื่อคำกองทัพเพราะจำนวนนายพลในประเทศนี้รวมกันมีจำนวนถึง 1,800 คนไปแล้ว มากกว่าสหรัฐอเมริกาที่มีเพียง 600 คนถึง 3 เท่าตัว แต่ที่ผ่านมาโฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่ากองทัพมีแผนจะลดจำนวนนายพลลง 2.5% ต่อปี จากจำนวน 768 คนเมื่อปี 2559 แต่เมื่อ พ.ค. ที่ผ่านมาโฆษกกระทรวงกลาโหมยังแถลงว่ามีจำนวนนายพลกองทัพไทยมีจำนวนถึงราว 1 พันคน สิ่งนี้เรียกว่าเพิ่มหรือลดลงกันแน่

อีกประการที่เป็นข้อน่ากังวล และเป็นคำถามต่อไปถึงนายกรัฐมนตรี คือธุรกิจและการใช้ที่ดินราชพัสดุของกองทัพ ผ่านกรมธนารักษ์ ซึ่งที่ดินราชพัสดุ 6.25 ล้านไร่ แต่แค่กองทัพบกก็มี 5ล้านไร่แล้วส่วนใหญ่ก็ถูกเอาไปใช้ในการทำธุรกิจ

“ท่านนายกฯ ไม่ใช่เจ้าพ่ออสังหาฯ นะครับ เจ้าพ่ออสังหาฯ ตัวจริงคือกองทัพบก” จิรัฏฐ์ย้ำ

จิรัฏฐ์แจกแจงธุรกิจกองทัพเพิ่มเติมจากการอภิปรายในรัฐบาลก่อนว่า ครั้งนี้เขาพบข้อมูลเพิ่มเติมว่ากองทัพมีโรงแรม 5 ดาว 80 แห่ง ปั๊มน้ำมัน ปตท. 150 แห่ง สนามกอล์ฟ 74 สนาม สนามม้า สนามมวย เหมืองหิน และยังมีช่องทีวี 2 ช่อง สถานีวิทยุ 126 ช่อง แท่นขุดเจาะน้ำมันที่เชียงใหม่ โรงพยาบาล 57 แห่ง ธุรกิจพิพิธภัณฑ์ 64 แห่ง

สส.ก้าวไกลกล่าวต่อว่ายังมีการทำแปลงผัก “ทหารพันธุ์ดี” มาขายแข่งกับแม่ค้าในตลาดนัด มีการทำสถานที่ท่องเที่ยวโดยมีการเอางบจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามาพัฒนาที่ดินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของตัวเอง 200 กว่าแห่ง

ภาพเจ้าหน้าที่ทหารนำพืชผลที่ปลูกมาขาย

จิรัฏฐ์กลับมาย้ำประเด็นเรื่องสนามมวยลุมพินีที่กองทัพเคยบอกว่าจะเลิกทำไปแล้วตอนถูกเปิดประเด็นเรื่องนี้ในช่วงที่เกิดการระบาดโควิด-19 ขึ้นในสนามมวยโดยจะให้เอกชนเข้ามาบริหารแทนแต่สุดท้ายแล้วก็เป็นกองทัพบกไปทำสัญญากับ One Championshipที่เป็นรายการของเอกชนแทนที่เอกชนจะต้องไปทำสัญญากับกรมธนารักษ์ และยังตั้งศูนย์พัฒนามวยไทยในจังหวัดอื่นไปจนถึงการสร้างพิพิธภัณฑ์มวยไทยทำกิจกรรมส่งเสริมมวยไทยอื่นๆ อีกด้วย

สส.ก้าวไกลยังชี้ปัญหาในกิจการสนามมวยอีกว่าถึงกองทัพจะมีนโยบายเรื่องสนามมวยปลอดการพนันแล้วก็ตามแต่ถึงอย่างไรก็ยังมีการพนันเพียงแต่ไม่ทำกันในสนามให้เห็นแต่ก็ยังทำผ่านออนไลน์ในมือถือกันได้อยู่ดี

“ไม่ได้แปลว่ากิจการสนามมวยของท่านมันไม่เกี่ยวข้องกับการพนัน ท่านหนีไม่พ้นคำว่าทหารเปิดบ่อน นี่คือกองทัพเปิดบ่อนชัดๆ”

จิรัฏฐ์ตั้งคำถามกับรัฐบาลว่าจะดำเนินการใดๆ กับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะนี่คือหนึ่งในที่มาของปัญหาความไม่โปร่งใสในรายได้และงบประมาณของกองทัพมาโดยตลอดและที่ผ่านมากรมธนารักษ์ก็ไม่ได้เข้ามาจัดการเรื่องเหล่านี้

นอกจากนี้ จิรัฏฐ์ ยังได้ถามถึงกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยระบุว่าตนต้องทวงถามว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อ ข้อเสนอให้ใช้เครื่องยนต์จีนที่ไม่เคยมีใครใช้มาก่อนดูเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยง ขณะที่เยอรมนีก็ไม่ผลิตเครื่องยนต์นี้อีกต่อไปแล้ว เรื่องนี้หมดสัญญาไปแล้ว 40 เดือน หากจะมีการต่อสัญญาก็ต้องนำเข้าคณะรัฐมนตรี คำถามคือรัฐบาลจะมีการอนุมัติแก้ไขสัญญาหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คณะรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบแทนกองทัพเรือ

ยังมีประเด็นเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ทดแทนรุ่น F-35 อีก ซึ่งในปีที่แล้วแม้จะมีการอนุมัติงบประมาณไป แต่สหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้ขายให้ ผู้บัญชาการทหารอากาศได้สัญญาว่าจะคืนงบประมาณให้ แต่จากข่าวที่ได้ทราบเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าจะมีการเอาไปดาวน์เครื่องบินขับไล่รุ่นกริพเพน 3 ลำแทน ซึ่งเรื่องนี้ตนขอย้ำและเรียกร้องว่ากระทรวงกลาโหมจะต้องเอาเข้าสภาเท่านั้น รัฐบาลต้องไม่ปล่อยให้กองทัพอนุมัติอะไรโดยที่ไม่ผ่านสภาโดยเด็ดขาด

จิรัฏฐ์กล่าวถึงกองทัพเรือในกรณีของเรือหลวงสุโขทัย ที่เกิดอุบัติเหตุจมลงกำลังจะครบรอบปีในอีกไม่ช้านี้ ผ่านไปปีหนึ่งแล้วยังไม่ได้กู้ขึ้นมา มีงบประมาณถูกจัดสรรให้แล้วราว 2 ร้อยล้านบาท มีการเปิดประมูล มีผู้ยื่นซองประมูลหลายราย แต่มีบริษัทหนึ่งที่ได้ยื่นซองเข้ามาในวันสุดท้ายอย่างผิดปกติ

สส.ก้าวไกลกล่าวว่าในขณะที่ตนกำลังหาว่าบริษัทสุดท้ายนี้เป็นบริษัทใด ก็พบความผิดปกติยิ่งกว่าคือการที่อยู่ๆ ผู้บัญชาการทหารเรือก็ยกเลิกการประมูลไปเมื่อ 8 ก.ย.ที่ผ่านมาโดยไม่มีเหตุผล แล้วก็ไม่มีการทำ TOR ใหม่ ไม่เปิดเชิญชวนประมูลใหม่ แต่ให้ผู้ที่เคยยื่นซองประมูลยื่นเข้าไปให้พิจารณาในราคาเดิมตอนยื่นซองประมูล และเมื่อตนไปดูรายละเอียดแล้วก็พบว่าบริษัทสุดท้ายที่ยื่นซองประมูล เพิ่งจดจัดตั้งเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2565 แต่มีการส่งหนังสือถึง ผบ.ทร.โดยตรงตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2566

"นี่ไงครับจดบริษัทวันนี้ต้องเสร็จงานเมื่อวานมันเป็นอย่างนี้ไงครับ"

จิรัฏฐ์กล่าวต่อว่ายังมีข้อสังเกตว่าคือผู้จดจัดตั้งบริษัท ก็มีนามสกุลเดียวกับ ผบ.สส. คนใหม่อีกต่างหาก นั่นแปลว่าผู้บัญชาการทหารเรือมีเจตนาต้องการควบคุมผลของการตรวจสอบการกู้ซากเรือ ว่าที่เกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นเพราะอะไร ใช่หรือไม่

“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะต้องใช้อำนาจที่มีโดยตรงเข้าไปจัดการเรื่องเหล่านี้ ผมหวังว่าชื่อเสียงของท่านจะไม่เสียหายไปมากกว่านี้ และช่วยตอบคำถามที่สังคมคาดหวังสงสัยให้ด้วย หากท่านไม่ได้มาเป็นเพียงแค่แมสเซนเจอร์ หรือโฆษกกองทัพ ที่เพียงแต่จะรับคำสั่งจากสภากลาโหม ส่งต่อให้ ครม.อนุมัติเท่านั้น” จิรัฏฐ์กล่าว

สส.ก้าวไกลยังทวงถามไปที่เศรษฐาที่มีหน้าที่กำกับดูแลกรมธนารักษ์ที่ไม่ยอมทำงานของตัวเองเมื่อกองทัพทำผิดระเบียบและผิดกฎหมายทุกฉบับในธุรกิจทุกประเภทของกองทัพที่ทำอยู่แต่ธนารักษ์กลับทำมองไม่เห็นจึงขอฝากให้จัดการด้วยไม่เช่นนั้นนายกรัฐมนตรีก็จะมีความผิดตามมาตรา 157 ด้วยเช่นกัน