ศาลนราธิวาสอ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์คดีของ “อุดม” ข้อหาม.112 จากเหตุโพสต์วิจารณ์สถาบันฯ ยืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก 4 ปี อยู่ระหว่างรอผลประกันตัวชั้นฎีกา

30 ส.ค.2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่าวันนี้ศาลจังหวัดนราธิวาสมีนัดอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีของ “อุดม” พนักงานโรงงานจากปราจีนบุรี ที่เขาถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) จากการโพสต์ และแชร์โพสต์เฟซบุ๊กรวมจำนวน 7 ข้อความ

ศูนย์ทนายฯ ระบุว่าศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาตามศาลชั้นต้นว่ามี 2 ข้อความที่เข้าข่ายเป็นความผิดลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี รวมโทษจำคุก 6 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่ยกฟ้องอีก 4 ข้อความเนื่องจากตีความได้ว่ากล่าวถึงอดีตกษัตริย์หรือตีความไม่ได้ว่าหมายถึงใคร

ในคดีนี้อุดมต่อสู้ในคดีว่าเขายอมรับว่าโพสต์ข้อความเหล่านั้นจริง แต่ในข้อความไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นกษัตริย์องค์ปัจจุบัน และไม่ได้เอ่ยนามใคร ในข้อความสามารถตีความถึงบุคคลได้หลากหลาย บางข้อความพยานของฝ่ายโจทก็เองก็ตีความได้ว่าเป็นรัชกาลที่ 9 ซึ่งไม่เข้าองค์ประกอบของมาตรา 112 ที่คุ้มครองแค่กษัตริย์องค์ปัจจุบันเท่านั้น

ทั้งนี้ศูนย์ทนายฯ เคยรายงานว่าทั้ง 7 ข้อความที่ถูกนำมาใช้ในการดำเนินคดีนี้ โพสต์ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 7 โพสต์ในคดีนี้เป็นโพสต์ในช่วงเดือนตุลาคม 2563 ถึงเดือนมกราคม 2564 โดยมีโพสต์ที่เป็นภาพและข้อความที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์เองเพียงอย่างเดียว 5 ข้อความ และเป็นโพสต์ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กแชร์ข่าวของสำนักข่าวมติชน และแชร์ข้อความจากเพจ “คนไทยยูเค” พร้อมเขียนความเห็นประกอบอีกอย่างละโพสต์

พสิษฐ์ จันทร์หัวโทน เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีอุดมที่สภ.สุไหงโก-ลก และเขายังเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีภัคภิญญา(สงวนนามสกุล) กัลยา และวารี ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์เช่นเดียวกัน