'บัสบาส' มงคล ถิระโคตร ผู้ถูกกล่าวหา ม.112 อดอาหารต่อวันที่ 33 เรียกร้องปล่อยตัวนักโทษการเมือง เจ้าตัวเผยมีอาการมึนงง และอ่อนเพลีย เรียบเรียงคำพูดไม่ถูก แต่ยืนยันสู้ต่อ ปัจจุบันถูกคุมขัง 73 วัน

30 มี.ค. 2567 เว็บไซต์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเมื่อ 28 มี.ค. 2567 เปิดเผยว่า ทนายความเข้าเยี่ยม 'บัสบาส' มงคล ถิระโคตร ชาวเชียงราย อายุ 30 ปี และเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา มาตรา 112 ที่ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุก 50 ปี จากกรณีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กที่ศาลเห็นว่ามีความผิดจำนวน 25 ข้อความ และศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกา ทำให้เขาถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2567 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 73 วัน อีกทั้ง กรณีของมงคล ถิระโคตร นับเป็นคดี มาตรา 112 ที่ถูกลงโทษสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

'บัสบาส' มงคล อดอาหารประท้วงมาตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (30 มี.ค.) รวมระยะเวลา 33 วัน เพื่อต้องการเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีการเมืองทั้งหมด โดยกลับมาดื่มน้ำ หลังอดน้ำไปช่วงหนึ่ง

นักกิจกรรมเชียงราย อายุ 30 ปี แจ้งว่า เขามีอาการเบลอและอ่อนเพลีย และการเรียบเรียงคำพูดอาจสับสนบ้าง ปัจจัยที่อากาศเริ่มร้อนจัดขึ้นในช่วงปลายเดือน มี.ค. ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่าอาการซึมเศร้าที่เคยเป็นอยู่จะกลับมา โดยมีอาการวิตกกังวลบ้าง แต่ได้พบจิตแพทย์ไปเมื่อ 25 มี.ค.

ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการให้แพทย์เข้ามาตรวจประเมินเขา และมีการพูดโน้มน้าวให้เขารับประทานอาหาร แต่เขายังยืนยันว่าต้องการอดอาหารต่อไป เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองทุกคน

บัสบาสบอกว่าอาการโดยรวมตอนนี้ ยังพอไหว ใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยช่วงนี้ยังถูกขังรวมที่ห้องเดิมร่วมกับผู้ต้องขังคนอื่นอยู่ ในช่วงเวลาที่ผู้ต้องขังคนอื่นๆ ทานข้าว เขาก็จะไม่ทาน และไม่มีใครบังคับให้ไปทาน

หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน มงคล ถิระโคตร แจ้งว่า เท่าที่ทราบทางเรือนจำได้มีการอบรมเพื่อนผู้ต้องขังบางส่วนในการประถมพยาบาลเบื้องต้นไว้ และจะให้มาดูแลก่อน พร้อมคอยระวังไม่ให้เขาเป็นลม

ขณะที่พูดคุยกันอยู่ในบางช่วง มงคล ถิระโคตร มีอาการนิ่งเหมือนจะนึกถ้อยคำไม่ออก แล้วก็พูดคำภาษาอังกฤษบางอย่างออกมา อาจสะท้อนถึงอาการมึนเบลอของเขาจากการอดอาหารที่ดำเนินอยู่นี้

ส่วนเรื่องจดหมายและโปสการ์ด มงคล ถิระโคตร แจ้งว่ายังไม่ได้รับเลยแม้แต่ฉบับเดียว และไม่มีการแจ้งเลยว่ามีจดหมายส่งเข้ามา แม้จะทราบจากภายนอกว่ามีเพื่อนๆ ทยอยส่งจดหมายเข้ามา เขาได้สอบถามไปยังผู้คุมเรือนจำแล้ว ได้คำตอบว่าเขาจะได้รับจดหมายจากผู้ที่บัสบาส ได้ลงชื่อเป็นญาติไว้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นจดหมายที่ส่งเข้ามาหรือจะส่งออกไป อ้างว่าเป็นกฎของเรือนจำ 

พร้อมกับมีข้อแนะนำให้บุคคลภายนอกเขียนจดหมายไปถึงพ่อหรือแม่ของเขา แล้วให้พ่อกับแม่ของเขาเขียนแจ้งว่าบุคคลนั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับบัสบาส ก่อนให้พ่อกับแม่ส่งจดหมายไปที่เรือนจำอีกที ซึ่งฟังดูก็เป็นขั้นตอนยุ่งยากพอสมควร

อย่างไรก็ตาม มงคล ถิระโคตร สงสัยว่า ขั้นตอนการส่งจดหมายต้องเป็นเช่นนั้นจริงไหม เพราะเห็นว่าปกติเพื่อนผู้ต้องขังก็ได้รับจดหมายจากคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ลงชื่อเยี่ยมไว้ จึงอยากให้ทุกคนลองตรวจสอบเรื่องเหล่านี้

ก่อนแยกย้ายกัน มงคล ถิระโคตร ได้ฝากข้อความสั้นๆ ออกมาสื่อสารภายนอกว่า "เราผิดมากหรือที่ต้องการเห็นสังคมไทยที่ดีกว่านี้"