Skip to main content
sharethis

นักวิชาการคาดวิกฤตเศรษฐกิจจีนกระทบไทยและอาเซียน เงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังสูงชะลอลดดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมาก คาดรัฐบาลอาจต้องขยับเพดาน ภาระผูกพันตาม ม. 28 เป็น 35% ของงบประมาณในอนาคตหากต้องใช้มาตรากึ่งการคลังดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติม กู้เงิน 1.7 แสนล้านธนาคาร ธกส. หนุนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเกษตรกร มีสภาพคล่องเพียงพอ แต่คลังต้องมีแผนชดเชยให้ชัดเจนอย่างน้อยปีละ 4-5 หมื่นล้าน เสนอแนวทางและเงื่อนไข 5 ประการบริหารความเสี่ยงและทำให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจทั้งมิติการเติบโต มิติความเป็นธรรม และการควบคุมความเสี่ยงฐานะทางการคลัง


                     
14 เม.ย. 2567 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และอดีตกรรมการและประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)  เปิดเผยว่าสถานการณ์วิกฤตการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการเงินของจีนได้ลุกลามสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมอื่นๆ แม้นทางการจีนจะใช้ทั้งมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและผ่อนคลายทางการคลังก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เพียงช่วยบรรเทาปัญหาวิกฤตไม่ให้ลุกลามไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงและภาวะเรื้อรังของภาวะเงินฝืด ภาวะวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการเงินของจีนนั้นเป็นผลจากการลงทุนเกินขนาด มีภาวะอุปทานส่วนเกินอยู่จำนวนมาก มีการเก็งกำไรปั่นฟองสบู่ราคาอสังหาริมทรัพย์ให้สูงเกินจริง ขณะที่อุปสงค์หดตัวอย่างรุนแรงช่วงการแพร่ระบาดของโควิดและการล็อคดาวน์อย่างเข้มงวด รัฐบาลจีนได้ควบคุมบรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อหนี้เกินตัวและพฤติกรรมเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา แต่การดำเนินล่าช้าเกินไปสถานการณ์ฟองสบู่เก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์และปัญหาหนี้เสียที่ซ่อนอยู่ในสถาบันการเงินและธนาคารเงาได้ลุกลามเกินเยียวยาด้วยมาตรการตามปกติแล้ว

ในที่สุด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ต่างผิดนัดชำระหนี้ และเข้าสู่กระบวนการล้มละลายตั้งแต่ “เอเวอร์แกรนด์” ไปจนถึง “คันทรี การ์เดน” และล่าสุด ไชน่า อาวหยวน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกว่างโจว มีรายการหนี้สินในต่างประเทศทั้งหมดราว 6,000 ล้านดอลลาร์ (กว่า 2 แสนล้านบาท) ผิดนัดชำระหนี้และเข้าสู่กระบวนการล้มละลายโดยยื่นขอพิทักษ์ศาลล้มละลายในสหรัฐอเมริกา ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ยังคงดิ่งลงต่อเนื่อง ปัญหาการล้มละลายของภาคอสังหาริมทรัพย์ได้กดดันให้ภาคการเงินและตลาดการเงินของจีนอ่อนแอลง และ ผลกระทบต่อเนื่องมายังอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมซีเมนต์ คาดว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนนั้นปรับตัวลดลงมากกว่า 20% ในปีนี้จากบรรษัทข้ามชาติจำนวนมากพิจารณากระจายความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานและการดำเนินการเพื่อลดการพึ่งพาฐานการผลิตในจีนจากผลกระทบของสงครามการค้าและมาตรการกีดกันทางการค้า จีนต้องเลือกใช้มาตรการปฏิรูปและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจมากขึ้น ไม่สามารถพึ่งพานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบที่เคยใช้ได้ผลในอดีตได้อีกต่อไป

ผลของการปฏิรูปและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การทุ่มตลาดของสินค้าจีน การขยายห่วงโซ่อุปทานของจีนในอาเซียน ล้วนส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยและภูมิภาคทั้งทางบวกและทางลบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ประกอบกับ ยังไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในประเทศไทยในขณะนี้ แต่คาดว่าทั้งปี น่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของแบงก์ชาติอย่างน้อย 1-2 ครั้ง ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคมของสหรัฐอเมริกายังคงปรับตัวสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 3.5% ทำให้โอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯในเดือนมิถุนายนมีความเป็นไปได้น้อยลง ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยดอลลาร์สหรัฐฯและอัตราดอกเบี้ยบาทจึงไม่ได้เป็นปัจจัยที่กำหนดการเคลื่อนย้ายเงินทุนแต่อย่างใดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ปัจจัยผลตอบแทนจากการลงทุนที่ปรับความเสี่ยงแล้ว ปัจจัยคุณภาพของทุนมนุษย์ ปัจจัยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ปัจจัยเชิงสถาบัน และเสถียรภาพของระบบการเมืองมีความสำคัญกว่าส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจอาเซียน เศรษฐกิจจีนเป็นห่วงโซ่อุปทานเดียวกันและพึ่งพาอาศัยกันในสัดส่วนสูง เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างมาก ย่อมส่งผลกระทบต่อไทยและภูมิภาค ปัจจัยนี้จะสร้างแรงกดดันต่อการฟื้นตัวและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในที่สุด

คาดรัฐบาลอาจต้องขยับเพดาน ภาระผูกพันตามมาตรา 28 เป็น 35% ของงบประมาณในอนาคตหากต้องใช้มาตรากึ่งการคลังดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพราะการใช้สภาพคล่องและกู้เงินจาก ธกส. เพื่อใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทจะทำให้ ภาระผูกพันตามมาตรา 28 แตะเพดาน 32% ของงบประมาณอันเป็นเพดานที่ขยับลงมาจากระดับ 35% ก่อนหน้านี้  สัดส่วนที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนดไว้ที่ไม่เกินร้อยละ 35 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ได้ถูกขยับลงมาหลังจากรัฐบาลชุดที่แล้วได้จัดสรรเงินงบประมาณ ชำระคืนภาระยอดคงค้างตามมาตรา 28 จำนวน 104,472 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.28% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยภายในการสิ้นสุดปีงบประมาณ 2566 จะต้องมียอดหนี้คงค้างตามมาตรา 28 ไม่เกิน 32% ตามที่คณะกรรมการกำหนด หากย้อนกลับไปปลายปี พ.ศ. 2565 รัฐบาลประยุทธ์ได้มีการขยายเพดานหนี้ในมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของภาครัฐ ในส่วนการก่อหนี้ภาครัฐต่อสัดส่วนงบประมาณจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 30% เป็น 35% เป็นเวลาชั่วคราว 1 ปี ก่อนที่จะปรับลงมาเป็น 32% แต่ ตนคาดว่า หากเศรษฐกิจไทยไม่สามารถขยายตัวได้เต็มศักยภาพในระดับ 5-6% รัฐบาลเศรษฐาอาจจำเป็นต้องขยับเพดานไปที่ระดับ 35% อีกครั้งหนึ่งเพื่อใช้ก่อภาระผูกพันนำเงินนอกงบประมาณหรือมาตรการกึ่งการคลังไปดูแลเศรษฐกิจในอนาคต                      

รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า ธกส. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ต้องปฏิบัติตามพันธกิจที่กำหนดไว้ตามกฎหมายและตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละช่วงเวลา ธกส. เป็นองค์กรสนับสนุนมาตรการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายประกันรายได้ จำนำสินค้าเกษตร สนับสนุนกองทุนต่างๆเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลหลายชุดมาอย่างต่อเนื่อง การใช้สภาพคล่องที่เหลืออยู่ของ ธกส. ในการสนับสนุบโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต หรือ กู้เงิน 1.7 แสนล้านจาก ธกส. เพื่อดำเนินการในมาตรการดังกล่าว สามารถทำได้บนเงื่อนไขดังต่อไปนี้

ประการแรก ต้องมีความมั่นใจว่า ธกส. มีสภาพคล่องเพียงพอในการสนับสนุนโครงการดังกล่าวโดยไม่กระทบต่อสภาพคล่องของ ธกส. ในการดำเนินงานตามพันธกิจสำคัญ

ประการที่สอง ต้องทำให้เกิดความมั่นใจต่อการดำเนินงานของ ธกส. และไม่มีการถอนเงินฝากหรือสภาพคล่องออกจาก ธกส. มากกว่าปกติ

ประการที่สาม มีการบันทึกบัญชีแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ระหว่าง บัญชีดำเนินการตามปรกติ และ บัญชีดำเนินการเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐโดยเฉพาะนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท

ประการที่สี่ มีการทำแผนการชำระเงินคืนและชดเชยรายได้จากการดำเนินการแจกเงินดิจิทัลให้เกษตรกร โดยกำหนดให้กระทรวงการคลังต้องจัดสรรงบประมาณจ่ายชดเชยและชำระคืนให้ ธกส. อย่าง ชัดเจนอย่างน้อยปีละ 4-5 หมื่นล้าน หากสามารถดำเนินการสนับสนุนการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้เป็นไปตามกฎหมายและมีการบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดี ก็จะไม่มีปัญหาใดๆต่อฐานะทางการเงินของ ธกส. และสามารถดำเนินการสนับสนุนนโยบายดังกล่าวได้ เป้าหมายของจัดตั้ง ธกส. ก็เพื่อให้มีสถาบันการเงินช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร ฉะนั้น เงินที่เกษตรกรได้รับแจกไปจาก ธกส. ควรต้องเป็นเงินที่นำไปประกอบอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ นำไปพัฒนาความรู้ในด้านเกษตรกรรมหรือพัฒนาความรู้ หรือ นำไปลงเพื่อประกอบอาชีพอื่นเพื่อเพิ่มรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง

ประการที่ห้า การแจกเงินดิจิทัลวอลเลต ผ่านการใช้สภาพคล่อง ธกส. เป็นการดำเนินการมาตรการกึ่งการคลังและก่อภาระผูกพันผ่านหน่วยงานของรัฐ ซึ่งการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวต้องอยู่ในกรอบมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ อันเป็นมาตราที่กำหนดไว้เพื่อ ควบคุมไม่ให้รัฐบาลใช้จ่ายเงินเกินตัว รัฐบาลสามารถขยับเพดานหนี้และภาระผูกพันตามมาตรา 28 กฎหมายวินัยการเงินการคลังจาก 32% เป็น 35% ของงบประมาณได้ หากมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินนอกงบประมาณในการดูแลประชาชนหรือแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่พึงตระหนักว่า ภาระผูกพันเหล่านี้จะกลายเป็นหนี้สาธารณะได้หากรัฐบาลไม่สามาถเก็บภาษีหรือหารายได้เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

รศ.ดร.อนุสรณ์ ได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมว่าการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทำกิจกรรม มาตรการ หรือสนับสนุนนโยบายรัฐ แล้วทยอยตั้งงบประมาณมาชดเชยค่าใช้จ่ายและรายได้ให้กับรัฐวิสาหกิจในภายหลังตามมาตรา 28 นี้ถือเป็น "เงินนอกงบประมาณ" เป็น “มาตรการกึ่งการคลัง” (quasi-fiscal Measures) จึงไม่นับวงเงินที่ใช้เข้ามารวมอยู่ในหนี้สาธารณะในครั้งแรก อาจก่อให้เกิดการประเมินหนี้สาธารณะต่ำกว่าความจริงได้ ปลายปี 2567 นี้รัฐบาลจะให้ ธกส. ดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกรจำนวน 17 ล้านคน ผ่านกลไกมาตรา 28 ของปีงบประมาณ 2568 สามารถเดินหน้าดำเนินการได้แต่ แนวทางและเงื่อนไข 5 ประการในบริหารความเสี่ยงภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Governance) ที่ได้เสนอไปจะทำให้มาตรการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจทั้งมิติการเติบโต มิติความเป็นธรรมและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการคลังมากขึ้นในอนาคต

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net