Skip to main content
sharethis

รายงานพิเศษจากสื่อเบนาร์นิวส์เผยในขณะที่การท่องเที่ยวของไทยยังมีความกังวลเกี่ยวกับตลาด 'จีน' ตลาดท่องเที่ยวแห่งใหม่ก็ฉายแสงแห่งความหวัง ได้แก่ 'อินเดีย' และ 'ไต้หวัน' ซึ่งล่าสุดที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าจนถึงเดือน พ.ค. 2567


แฟ้มภาพ: ข่าวสารท่องเที่ยว ททท.

เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2566 เบนาร์นิวส์ รายงานว่ากว่าหนึ่งปีแล้วที่ประเทศไทยเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบหลังโควิด แต่ภาคการท่องเที่ยวซึ่งมีมูลค่าราว 11% ของจีดีพีในปี 2562 กลับมีการกระเตื้องขึ้นช้ากว่าที่คาดการณ์

ประเทศไทยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 28 ล้านคนในปีนี้ เมื่อเทียบกับจำนวน 40 ล้านคนที่มาเที่ยวเมืองไทยก่อนโควิดเมื่อปี 2562 โดยในปีนั้นกว่าหนึ่งในสี่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวจีน โดยมีจำนวนราว 11 ล้านคน

ระหว่างเดือนมกราคมและวันที่ 3 ธ.ค. ในปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าเมืองไทยแล้วกว่า 25 ล้านคน โดย 4 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวมาเลเซีย นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวน 3.1 ล้านคน นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้กว่า 1.4 ล้าน นักท่องเที่ยวอินเดียราว 1.4 ล้าน และนักท่องเที่ยวรัสเซีย 1.2 ล้านคน

โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยในปี 2566 ถึง 30 ล้านคนเลยทีเดียว

สายชล ชื่นชู วัย 48 เป็นไกด์ทัวร์ที่ใช้ภาษาจีนกลางหรือแมนดาริน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่มาอย่างยาวนานถึง 26 ปี แต่เมื่อไม่นานมานี้สายชลเริ่มต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่ไม่ได้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว โดยเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้ากลุ่มใหม่นี้เช่นกัน 

“ตอนนี้ลูกทัวร์เปลี่ยนเป็นไต้หวันแทนจีน” สายชลกล่าว “ตลาดไต้หวันเป็นตลาดสม่ำเสมอมีคุณภาพ ใช้จ่ายสูง ไปเที่ยวกินของอร่อย รายได้ดีกว่า เข้าชุมชนโดยตรง ไม่เหมือนทัวร์จีนประเภททัวร์ศูนย์เหรียญ”

สายชลกล่าวว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญดำเนินไปอย่างแพร่หลายในประเทศไทยมานานหลายปี โดยบริษัททัวร์จากประเทศจีนพานักท่องเที่ยวไปใช้บริการร้านอาหาร สปา หรือร้านค้าที่ดำเนินการโดยชาวจีนเท่านั้น ซึ่งทำให้ธุรกิจท้องถิ่นโดยคนไทยไม่ได้รับประโยชน์หรือเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวรูปแบบดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน สายชลจะต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากไต้หวันราว 20 คนในช่วงเดือนธันวาคมนี้ “แขกจะพักในโรงแรม 5 ดาวเป็นเวลา 5 วัน แพ็คเกจตกราว 100,000 บาท (2,793 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อคน”

นักท่องเที่ยวไต้หวันราว 585,000 คนเดินทางมาเมืองไทยในช่วงสิบเดือนแรกของปีนี้ จากข้อมูลภาครัฐ โดยช่วงปลายปียังได้รับแรงหนุนจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาลที่ออกให้เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนด้วย สายชลกล่าว

ภาคการเมืองหนุนภาคท่องเที่ยว

เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่งในเดือนกันยายน นายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสินได้ริเริ่มการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน โดยมีผลถึงวันที่ 29 ก.พ. 2567 โดยระหว่างเข้าร่วมการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่กรุงปักกิ่งเมื่อเดือนตุลาคม นายเศรษฐายังได้เสนอให้มาตรการดังกล่าวบังคับใช้เป็นการถาวรด้วย

แต่อย่างไรก็แล้วแต่ การยกเว้นวีซ่าดังกล่าวไม่ให้ผลอย่างที่คาด โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ปรับลดการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจาก 4 ล้านถึงสี่ล้านสี่แสนคน ลงเหลือ 3.5 ล้านคนตลอดปี 2566

“นักท่องเที่ยวจีนที่ไม่มาเมืองไทยไม่ใช่เพราะไม่อยากจ่ายค่าวีซ่า แต่เนื่องจากกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย รัฐบาลไทยตีโจทย์ไม่แตกว่าทำไมคนจีนไม่กลับมา” สายชลกล่าว

ผศ.ดร. ชาดา เตรียมวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าเศรษฐกิจภายในของจีนเองส่งผลในการเดินทางออกนอกประเทศของคนจีน นอกจากนั้นแล้วยังมีเรื่องของความกลัวการถูกลักพาตัวเมื่อเดินทางท่องเที่ยว

ก่อนหน้านี้ จีนมีการคาดการณ์จีดีพีในปีนี้ อยู่ที่ 5% ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำมากในรอบหลายทศวรรษหลังจากปิดประเทศช่วงโควิด และจีนยังประสบอัตราการว่างงานของแรงงานหนุ่มสาวที่เพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

บทบรรณาธิการของ The Global Times สื่อของทางการจีน ในเดือนมีนาคมได้กล่าวถึงข้อกังวลของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อการเดินทางท่องเที่ยวในไทย โดยมีเนื้อหาว่า “นักท่องเที่ยวจีนบ่นเรื่องการขึ้นราคาในเมืองไทย การถูกโกง และได้รับบริการที่แย่ลงเมื่อเทียบกับแต่ก่อน”

“เนื้อหาด้านลบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเมืองไทย เช่น “ไปเที่ยวไทยยังปลอดภัยอยู่หรือไม่” และ “ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” ได้รับความสนใจบนอินเทอร์เน็ตในเมืองจีนอย่างต่อเนื่อง … 'การล่อลวงผู้หญิงไปค้ามนุษย์' และการ 'ตัดไต' ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมา”

บทบรรณาธิการกล่าวว่าแม้จะมีการโต้แย้งว่าเนื้อหาด้านลบนั้นไม่ตรงตามข้อเท็จจริง “เราหวังว่าประเทศไทยจะรักษาชื่อเสียงและไม่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนผิดหวัง”

ในประเทศไทยเองมีการดำเนินการเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง ในเดือนพฤศจิกายน นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เข้าพบนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อหารือเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง No More Bets ซึ่งเป็นเรื่องของชายหนุ่มกับหญิงสาวจากจีนที่ถูกล่อลวงมาทำงานในคอลเซ็นเตอร์ โดยภาพยนตร์มีบางฉากที่มีภาษาไทยออกเผยแพร่ เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Weibo ของจีน

แต่เหตุการณ์จริงในไทยทำให้คนจีนตื่นกลัวเช่นกัน โดยในสัปดาห์หลังจากเกิดเหตุกราดยิงที่ห้างสยามพารากอนช่วงต้นเดือนตุลาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสามราย ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวจีนหนึ่งราย จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนที่บินเข้าไทยลดลงราว 60,000 คน ตามข้อมูลของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย

ในขณะเดียวกันจังหวัดเชียงใหม่ก็ประสบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดน้อยถอยลงอย่างมาก

ละเอียด บุ้งศรีทอง ผู้บริหารโรงแรมรติล้านนาริเวอร์ไซด์สปารีสอร์ทในเชียงใหม่ กล่าวว่า “ช่วงก่อนโควิดปี 2015 ถึง 2019 นักท่องเที่ยวจีนบินเข้ามาสองถึงสามพันคนต่อวัน แต่ตอนนี้ไม่ดี ถึงแม้จะมีเรื่องฟรีวีซ่าก็ไม่ส่งผลเลย ตอนนี้เฉลี่ยบินตรงเข้ามาวันละ 500 ถึง 600 คนเท่านั้น”

ความท้าทายในการฟื้นการท่องเที่ยว

นักวิเคราะห์หลายรายต่างไม่กล้าคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวไทยจะแตะขึ้นไปสู่ระดับก่อนโควิดได้อีกหรือไม่หรือแม้กระทั่งเมื่อไร

“ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นของวัฏจักรใหม่ ประเทศไทยก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวอยู่ แต่สภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกมีความผันผวน และการท่องเที่ยวก็เช่นเดียวกัน” บิล บาร์เนท กรรมการผู้จัดการองค์กรที่ปรึกษาด้านธุรกิจการท่องเที่ยว C9 Hotelworks กล่าวกับเบนาร์นิวส์

แต่ในขณะที่การท่องเที่ยวของไทยยังมีความกังวลเกี่ยวกับตลาดจีน ตลาดท่องเที่ยวแห่งใหม่ฉายแสงแห่งความหวัง ได้แก่ อินเดียและไต้หวันซึ่งเป็นที่ล่าสุดที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศไทยไปจนถึงเดือน พ.ค. 2567

“ฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวอินเดียมีผล แต่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนไม่มีผล” พัชรีย์ เอี่ยมรอด ไกด์ทัวร์ที่เชี่ยวชาญตลาดอินเดียมา 15 ปีกล่าว “หลังจากปล่อยฟรีวีซ่า 10 พ.ย. จำนวน [นักท่องเที่ยว] ขึ้นเร็วมาก”

นักท่องเที่ยวอินเดียราวสองล้านคน เดินทางมาไทยเมื่อปี 2562 โดยเท่ากับอัตราการเติบโต 25% สูงที่สุดในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย

“ปกติรับกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียสามถึงห้ากรุ๊ปต่อไกด์ต่อเดือน ส่วนมากจะเที่ยวสิงคโปร์-มาเลเซีย-ไทย สามประเทศใช้เวลาเที่ยว 10-12 วัน ตั๋วเครื่องบินถูกและฟรีวีซ่า ทำให้นักท่องเที่ยวซื้อตั๋วแล้วมาได้เลย”

พัชรีย์กล่าวว่า ยังมีปัจจัยที่ส่งผลลบต่อการฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทย 

“การท่องเที่ยวไทยต้นทุนแพงขึ้น ต้องมีบัดเจทถึงจะมาได้ เพราะหลังจากปิดช่วงโควิดไปมีการปรับต้นทุนขึ้น สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม เปิดใหม่ ๆ หรือที่ผ่านมามีการปรับปรุงรีโนเวท และจำนวนพนักงานตอนนี้ไม่เยอะและผู้เข้าพักน้อยก็จะมีการอัพราคา”

พัชรีย์คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยอาจไม่กลับไปยังจุดก่อนโควิดอีกต่อไปแล้ว เนื่องจาก “ทัวร์ศูนย์เหรียญก็ปราบไปเยอะแล้ว และนักท่องเที่ยวแบบที่มาเองก็ไม่ได้เยอะ”

ด้าน ผศ.ดร. ชาดา กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนอาจกลับมาได้หาก “ประชาชนและสื่อทำหน้าที่สื่อสารให้คนจีนกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้งค่ะ”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net