Skip to main content
sharethis

เผย 'เก็ท โสภณ' นักโทษการเมืองคดี ม.112 ป่วยหนักในเรือนจำ หลังติดมา 54 วัน ตัดพ้อเทียบมาตรฐาน 'ทักษิณ' ที่ส่งออกมา รพ.ราชทัณฑ์ แล้วส่ง รพ.ตำรวจอย่างรวดเร็ว ถาม "ชีวิตคนเรามันไม่เท่ากันเหรอ ตอนนี้ในเรือนจำคนป่วยเยอะมาก ยาหายากมากๆ" ขณะที่ ตำรวจ สน.ลุมพินี เข้าแจ้งข้อหา ม.112 ในเรือนจำ กรณีอ่านแถลงการณ์ในชุมนุม APEC2022

17 ต.ค.2566  ความคืบหน้ากรณี โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ หลัง  24 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี และลงโทษในข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จากกรณีการปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 โดยที่ปัจจุบันเก็ทถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาดังกล่าวนั้น

ล่าสุดวานนี้ (16 ต.ค.) วันที่ โสภณ อยู่ในเรือนจำเป็นวันที่ 54  เฟซบุ๊ก 'Get Surariddhidhamrong' ที่เป็นช่องทางสื่อสารของ โสภณ โพสต์ รายงานอาการป่วยของเขา ผ่านผู้ที่เข้าเยี่ยมว่า “ผมป่วยมาหลายวันแล้ว เมื่อเช้าไปหาหมอ แต่หมอของเรือนจำไม่สนใจอาการผมเท่าไหร่ เขาบอกว่า ‘มาทำไม’ เดี๋ยวหมอก็ลงแดนอยู่แล้ว เป็นไข้ธรรมดา เป็นเรื่องทั่วไป ไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน ให้ลงชื่อตรวจ เดี๋ยวหมอก็เข้ามา ไม่จำเป็นต้องออกมาที่ พบ. การทำแบบนี้ทำให้เสียเวลา มันทำให้เสียระบบ” เก็ทพูดด้วยสีหน้าอิดโรย ปาดซีด นั่งกุมศีรษะตลอด (ตามคำบอกของผู้เข้าเยี่ยม)

“ถ้าผมนามสกุลชินวัตร มันจะเป็นยังไง จำได้ตอนทักษิณ (ชินวัตร) ยังไม่ทันอาการหนักอะไรเลย ก็ส่งออกมา รพ.ราชทัณฑ์ แล้วก็ส่ง รพ.ตำรวจอย่างรวดเร็ว แต่พอเป็นผู้ต้องขังคนอื่นๆ ทุกอย่างต้องรอ ชีวิตคนเรามันไม่เท่ากันเหรอ ตอนนี้ในเรือนจำคนป่วยเยอะมาก ยาหายากมากๆ พวกผมต้องต้มฟ้าทะลายโจรกินกัน”

“ที่ผมไปหาหมอเพราะผมรู้สึกไม่ไหว ถ้ามันรอได้คงไม่ลำบากเดินมาถึงที่นี่ ผมบอกหมอแล้วว่า ผมตัวร้อน กลางคืนนอนหนาวสั่น เก่งกับต้อม (เพื่อนทะลุแก็สในเรือนจำ) ต้องเช็ดตัวให้ จริงๆ ผมก็ไม่สบายมาสักพักแล้ว กินยาพาราเอา”

“แต่ 2-3 วันมานี้อาการมันแย่ลง เมื่อเช้าผมรู้ว่าไม่ไหวแล้ว จึงไปหาหมอที่ พบ. เลย เมื่อคืน ผมไอจนเจ็บหน้าอกเจ็บท้อง ไอจนอ้วก ตอนนี้เดินแทบไม่ไหว มีเก่งต้อมคอยช่วยพยุง กินข้าวไม่ค่อยลง” เก็ท กล่าวด้วยอาการที่ดูเหนื่อยล้า บางช่วงนอนฟุบลงกับโต๊ะ (ตามบันทึกผู้เข้าเยี่ยม)

“บางทีผมก็คิดนะว่า ถ้าวันนี้คนที่นั่งตรงนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นลูกหลานผู้พิพากษา หรือตัวผู้พิพากษาเอง เค้าจะรู้สึกยังไง หรือเค้ารู้สึกแค่ถ้าเป็นลูกเค้า ถ้าเช่นนั้นคุณมาทำงานในกระบวนการยุติธรรมทำไม”

“ช่วงนี้ผมคงไม่ได้ตอบ Domimail ยาวๆ เลย ไม่มีแรงเขียน และยังคิดอะไรไม่ออกเลย”

“แต่อยากฝากกำลังใจให้เพื่อนๆที่สู้อยู่ ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคน ตอนนี้ผมก็ยังสู้ เข้าใจว่ามันเป็นเกมส์ยาว เตรียมใจไว้แล้ว ยังเชื่อมั่นอยู่เสมอ”

“อาการตอนนี้ให้เก็ทประเมินว่าคงหายยาก เพราะมันติดกันไปเรื่อยๆ ในเรือนจำควบคุมโรคไม่ได้ ผมหายคนอื่นก็เป็น ก็วนกัน” เก็ทกุมหัวตลอดเวลาขณะพูด ความปวดหัวทำให้สื่อสารกับทนายได้น้อย พิจารณาจากอาการและสภาพร่างกายของเก็ทขณะคุย ไม่สามารถเชื่อประโยค “ยังไม่ฉุกเฉิน” ตามที่แพทย์ในเรือนจำกล่าวได้เลย (จากบันทึกผู้เข้าเยี่ยมที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กของเก็ทดังกล่าว)

ตำรวจ สน.ลุมพินี เข้าแจ้งข้อหา ม.112 ในเรือนจำ กรณีอ่านแถลงการณ์ในชุมนุม APEC2022

ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาต่อ โสภณ ในคดีจากการชุมนุม  “WHAT HAPPENED IN THAILAND” ที่แยกอโศกในช่วงการประชุมเอเปค (APEC2022) เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2565 โดยมีข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเก็ทปฏิเสธกระบวนการ โดยไม่ลงลายมือชื่อในเอกสารใดๆ นับเป็นคดีข้อหานี้คดีที่ 4 แล้ว ที่เก็ทถูกกล่าวหา

สำหรับกรณีนี้ เมื่อเดือนกันยายน 2566 ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ออกหมายเรียกผู้ชุมนุมจำนวน 4 คน มาแจ้งข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ บางรายยังถูกแจ้งข้อหาใช้เครื่องขยายเสียง หรือ พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ด้วย

ต่อมาวันที่ 20 ก.ย. 2566 พบว่าตำรวจมีการออกหมายเรียกเพิ่มเติม นักกิจกรรมอีก 2 ราย ได้แก่ “ใบปอ” และ “เก็ท” โสภณ โดยระบุข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยคดีมี พ.ต.ท.สุดเขต สิมาธรรม กับพวก เป็นผู้กล่าวหา 

ในส่วนของใบปอได้ขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหาออกไปก่อน ทางด้านเก็ท โสภณนั้น พ.ต.ต.สุทวัฒน์ ศรีพรวรรณ์ สารวัตรสอบสวน สน.ลุมพินี ได้นัดหมายทนายความ เดินทางเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเขาถูกคุมขังอยู่

ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 3 ข้อหาต่อโสภณ ได้แก่ ข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112, ข้อหาร่วมกันจัดชุมนุมสาธารณะ แต่ไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะต่อผู้รับแจ้งไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน

ข้อกล่าวหาระบุเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 17 พ.ย. 2565 ว่ามีกลุ่มนักกิจกรรมนำโดยกลุ่มทะลุวัง ได้จัดกิจกรรมที่แยกอโศกมนตรี และจะเดินขบวนไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดประชุม APEC2022 เพื่อยื่นจดหมายบอกให้ผู้นำโลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย โดยได้มีการไล่ลำดับเหตุการณ์ในกิจกรรมวันดังกล่าว ในส่วนของใบปอถูกระบุว่าเป็นผู้อ่านแถลงการณ์ของผู้ชุมนุมฉบับภาษาไทยต่อหน้าสื่อมวลชน และเก็ทอ่านแถลงการณ์ฉบับภาษาอังกฤษ

ข้อกล่าวหาระบุว่า คณะกรรมการพิจารณาคดีความมั่นคงความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พิจารณาแล้วเห็นว่าทั้งสองคนกล่าวข้อความที่มีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยมีการยกข้อความบางส่วนของแถลงการณ์ทั้งหมดสามท่อน ที่กล่าวถึงระบอบกษัตริย์กับการเมืองไทยมากล่าวหา

หลังทราบข้อกล่าวหา เก็ทได้ปฏิเสธที่จะร่วมกระบวนการสอบสวนของตำรวจ และไม่ลงลายมือชื่อในเอกสารใด ๆ รวมทั้งไม่ให้ทนายความลงชื่อในเอกสารใด ขณะที่ทางพนักงานสอบสวนได้บันทึกว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา และไม่ได้ให้สำเนาบันทึกข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาเหมือนโดยปกติด้วย

ทั้งนี้ คดีนี้นับเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 4 ที่เก็ทถูกกล่าวหาแล้ว โดยในสามคดีที่เขาถูกกล่าวหาก่อนหน้านี้ ได้แก่ คดีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 3 ปี 6 เดือน และเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์, คดีปราศรัยในกิจกรรม “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน” อยู่ระหว่างการสืบพยานที่ศาลอาญาธนบุรี โดยเก็ทปฏิเสธอำนาจศาลและขอถอนทนายในคดีนี้ และ คดีปราศรัยในกิจกรรมวันแรงงานปี 2565 อยู่ระหว่างรอการสืบพยานที่ศาลอาญา

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net