รายละเอียด

ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)/กระทิงแดงไทยพิทักษ์/นักรบเลือดสีน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์

วันที่ 12 มิถุนายน 2566

เรื่อง การกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้

เรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)

เนื่องด้วยเมื่อวันมที่ 7 มิถุนายน 2566 ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (PELAJAR BANGSA) ออกแถลงการณ์ประกาศว่า "เราเชื่อมั่นว่าการประชามติ คือ สันติภาพที่ประชาชนเป็นเจ้าของ" แถลงการณ์มีดังนี้ หลังสิ้นสุดสนธิสัญญาณกรุงเทพฯ พ.ศ. 2452 หรือ Amglo-Siamese Treaty of 1909 ปาตานีตกอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม หรือรัฐไทยในปัจจุบัน ปรากฏความพยายามของชาวปาตานี แสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดความต้องการทางการเมือง ความพยายามเหล่านั้นแสดงออกทุกยุคทุกสมัย ทั้งแสดงออกผ่านการใช้อาวุธ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านและแสดงออกผ่านการต่อสู้ทางการเมืองโดยไม่ใช้อาวุธ หากแต่เราชาวปาตานีไม่สามารถกำหนดชะตากรรมของเราเองได้ ซึ่งเราเชื่อว่าสิทธิการปลดปล่อย สิทธิในการมีชนชาติ (Nation) รวมไปถึงสิทธิในการกำหนดชะตากรรมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ติดตัวเราแต่เดิมในฐานะมนุษย์ และสามารถขับเคลื่อนต่อสู้ได้ในสังคมประชาธิปไตยโดยไม่ถูกจำกัดคุกคามโดยกฎหมาย การสร้างสันติภาพปาตานีให้เกิดขึ้นจำเป็นต้องมีพื้นที่ทางการเมืองที่ปลอดภัยและการมีเสรีภาพของประชาชนชาวปาตานี Pelajar Bangsa คือองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมือง เกิดขึ้นจากการรวมตัวของปัจเจกนิสิตนักศึกษาชาวปาตานี (Bangsa Patani) และต้องการกำหนดชะตากรรมตนเอง เราเคารพคุณค่าประชาธิปไตยที่รักห่วงแหน และภักดีต่อชาติมาตุภูมิ เรายึดมั่นในการต่อสู้ทางการเมืองด้วยแนวทางสันติวิธี เราจะรณรงค์และเคลื่อนไหวทางการเมืองถึงการมีอยู่ของชาติปาตานี และการทำประชามติเพื่อไปสู่สันติภาพที่ประชาชนเป็นเจ้าของ ด้วยรักและหวงแหนต่อชาติมาตุภูมิ ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ 7 มิถุนายน 2566 มหาวิทยาลัยงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.มาร์ค ตามไท อาจารย์สาขาการสร้างสันติภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง (Self Determination) กับสันติภาพปัตตานี" และมีวงสนทนาสะท้อนความคิดในหัวข้อ สิทธิในการกำหนดตนเอง (Self Determination) กับสันติภาพปาตานี วิทยากรโดย ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู (รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ) นายรอมฎอน ปันจอร์ (ว่าที่ ส.ส.ปัตตานี พรรคก้าวไกล แบบบัญชีรายชื่อ) ... หมายเหตุไม่สามารถเข้าร่วมได้กะทันหัน) นายฮากิม พงติกอ (รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม) นายอาเตฟ โช๊ะโก (ประธาน The Patani)

• นายฮากิม พงติกอ (รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม) มองว่า RSD เป็นสิทธิเสรีภาพในการที่จะเลือกมาเป็นหลักการการดำเนินประเด็นทางการเมือง
• นายอาเต็ฟ โช๊ะโก (ประธาน The Patani) กล่าวว่า เมื่อเราถือหลักที่สอดคล้องกับ RSD เป็นกระบวนการที่ยอมรับตามหลักสากล นำไปสู่ "การประชามติ" ซึ่งไม่ว่าผลของการประชามติออกมาเป็นอย่างไร เราก็ควรที่จะยอมรับ และจะไม่มีคำว่าแพ้เกิดขึ้น เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ประชาชนเลือก
• ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู (รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ) กล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงหลายๆ ปัจจัย เพราะถ้าเราอยากได้ความเป็นธรรม เราก็ต้องเป็นที่จะให้ความเป็นธรรมนั้นกับคนอื่น เพราะบางคนเรียกร้องถึง "ความเป็นธรรม" แต่กลับ "อธรรม" กับสิ่งที่ตนเองยึดถือหรือหลักศรัทธา นักศึกษา นักการเมือง และองค์กรภาคประชาสังคมมีสิทธิและเห็นควรที่จะผลักดันกระบวนการ RSD เพื่อเลือกที่จะกำหนดอนาคตเอง เพราะเป็นเรื่องของวิชาการและเป็นที่ยอมรับตามหลักสากล
• และในช่วงท้ายของกิจกรรมขบวนการนักศึกษาแห่งชาติได้กล่าวเปิดตัวองค์กรอย่างเป็นทางการโดยนายอิรฟาน อูมา ตำแหน่งประธานขบวนการศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Bangsa) ดังที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้นของหนังสือฉบับนี้ และภายในงานนี้ยังได้ปรากฏการลงประชามติในหัวข้อ "คุณเห็นด้วยกับสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย

ที่กล่าวมาทั้งหมดเบื้องต้น จะเห็นได้ว่าทั้งหมดทำกันเป็นขบวนการ ตั้งแต่การวางแผนกำหนดวัน เวลา สถานที่ กำหนดหัวข้อที่จะเสวนา, กำหนดบุคคลที่จะร่วมเสวนา, การวางรูปแบบโฆษณาประชาสัมพันธ์ ฯลฯ และที่สำคัญไปกว่านั้นการเสวนาในครั้งนี้จัดทำในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งเป็นสถานศึกษา ถึงแม้จะจัดที่ห้องประชุมของคณะรัฐศาสตร์ ซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแลของคณบดีฯ และอธิการบดีฯ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่ทราบถึงการจัดงานเสวนาในครั้งนี้ ซึ่งก็ไม่สมควรอนุญาตให้จัดงานเสวนาประเภทนี้ตั้งแต่แรก เพราะหัวข้อและเนื้อหาในการเสวนาดังกล่าวอาจเข้าข่ายผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ที่บัญญัติไว้ว่า "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" และอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในหมวดที่ 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร มาตรา 113 (3) ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักร หรือยึดอำนาจการปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดในราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต และหรือมาตรา 114 ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฏ หรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏ แล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี

ดังนั้น ทางศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) กลุ่มกระทิงแดงไทยพิทักษ์ และกลุ่มนักรบเลือดน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์ จึงรีบทำหนังสือเปิดผนึกด่วนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) ให้รีบดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนถึงกรณีดังกล่าวอย่างเร่งด่วนและให้ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อดำรงคงไว้ซึ่งราชอาณาจักรไทยที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ ผู้ใดหรือกลุ่มใด และหรือขบวนการใดๆ คิดจะแบ่งแยกดินแดนให้ถือว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดิน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะรักษาเอกราชของชาติไทยให้สมดั่งคำปฏิญาณของทหารบกไทยที่ว่า "ข้าพเจ้าจะพิทักษ์รักษาเอกราชและราชบัลลังก์ไว้ด้วยชีวิต"

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการเป็นเรื่องเร่งด่วน 

ลงชื่อ ...............................

(นายอานนท์ กลิ่นแก้ว)

ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)

ผู้ร้อง