Skip to main content
sharethis

รังสิมันต์ย้ำรัฐบาลใหม่จะต้องหยุดระบบอุปถัมภ์แก้ต้นเหตุปัญหาส่วยให้หมดไป และวันที่ 1 มิ.ย.นี้ สหพันธ์ข่นส่งทางบกฯ เตรียมมอบหลักฐานให้พรรคก้าวไกลแก้ปัญหาที่สั่งสมมานานกว่า 20 ปี ประธานสหพันธ์ชี้ยุค คสช.ปัญหาส่วยรถบรรทุกรุนแรงสุด

30 พ.ค.2566 รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กต่อกรณีที่วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เปิดเผยเรื่องติดตามเพื่อจัดการปัญหาส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก(Easy Pass พิสดาร)

'วิโรจน์' เผยมีองค์กรลึกลับอยู่เบื้องหลัง 'สติ๊กเกอร์ Easy Pass พิสดาร' (ที่ไม่เกี่ยวกับการทางพิเศษ)

รังสิมันต์ระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกับที่เขาเน้นย้ำมาหลายครั้งแล้วว่าต้นตอปัญหาส่วยลักษณะนี้ คือการมีอยู่ของระบบเส้นสาย ระบบตั๋ว และการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในหมู่ข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่ผมพูดถึงบ่อยมาก หรือข้าราชการอื่นๆ ทำให้การเลื่อนขั้นในระบบราชการไม่ได้อยู่กับความสามารถในการรับผิดชอบงานตามขอบข่ายความรับผิดชอบของหน่วยงาน แต่วัดกันที่ความสามารถในการหาเงินหรือผลประโยชน์อื่นๆ มาตอบแทนให้กับ “นาย” ที่คอยขายตั๋วให้โดยไม่สนใจความผิดถูกหรือว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นอย่างไร

รังสิมันต์ระบุว่าถ้าระบบอุปถัมภ์ยังอยู่การเก็บส่วยก็จะไม่หมดไป และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลที่กำลังจะตั้งขึ้นจะต้องจัดการให้เด็ดขาด และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มีฐานะเป็นประมุขฝ่ายบริหารจะต้องควบคุมการปฏิบัติงานของข้าราชการทุกกระทรวงทุกกรม รวมถึงเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ ที่ทั้งพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคและพรรคก้าวไกลที่เสียงจากประชาชนมากที่สุดจะต้องทำให้บรรลุภายในอายุการทำงานครั้งนี้

“ถึงเวลาลอกสติกเกอร์ที่ติดประจานความโสมมของประเทศนี้ แล้วชำระล้างเสียใหม่ให้กลายเป็นประเทศที่ทั้งข้าราชการและประชาชนสามารถได้ดิบได้ดีไปด้วยกันผ่านการปฏิบัติต่อกันอย่างสุจริตซื่อตรง มิใช่เป็นนาบนหลังคนให้ใครมาเก็บเกี่ยวกินโดยเบียดเบียนคนอื่นๆ ในสังคมอีกต่อไป” ส.ส.ก้าวไกลระบุ

นอกจากนั้นเมื่อวานนี้หลายสื่อรายงานถึงการให้สัมภาษณ์ของ อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยที่กล่าวถึงประเด็นนี้เช่นกันว่า ปัญหาเรื่องส่วยรถบรรทุกนี้มานานแล้วและทางสหพันธ์ได้พยายามเรียกร้องในการแก้ไขปัญหานี้มาตั้งแต่ปี 2539 รวมเป็นเวลา 27 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างจริงจังและพบปัญหาต่อเนื่อง

ประธานสหพันธ์ขนส่งฯ ระบุว่าเนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจนต้นทุนการขนส่งเพิ่มเป็นเหตุทำให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าพิกัดกฎหมายอย่างแพร่หลาย และส่วยก็เกิดขึ้นมาในรูปแบบต่างๆ อย่างกรณีส่วยสติกเกอร์เป็นต้น

อภิชาติระบุอีกว่านับตั้งแต่ช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาปกครองจนถึงตอนนี้เป็นช่วงที่มีความรุนแรงมากที่สุดคือต้องจ่ายส่วยรายเดือน 25,000-27,000 บาทจะสามารถบรรทุกได้ไม่จำกัด ทำให้รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อสามารถบรรทุกได้ถึง 100 ตันจากที่บรรทุกได้ไม่เกิน 50.5 ตัน และจะทำให้ผู้ประกอบการที่จ่ายส่วยเอาเปรียบรายที่ไม่จ่ายเพราะต้นทุนการขนส่งถูกกว่าเกือบครึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ทำถูกกฎหมายไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้หากไม่เลิกกิจกการก็ต้องร่วมจ่ายส่วยด้วยเพื่อความอยู่รอด

อภิชาติกล่าวอีกว่าพบรถบรรทุกที่จ่ายส่วยค่าสติกเกอร์อยู่ประมาณ 150,000-200,000 คัน จากที่มีรถบรรทุกจดทะเบียนอยู่กับกรมขนส่งทางบกอยู่ประมาณ 1,500,000 คัน มีมูลค่าส่วยนับพันล้านบาทจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าว

ประธานสหพันธ์ขนส่งฯ อธิบายรูปแบบของการเก็บส่วยนี้ด้วยว่าจะมีเอกชนเป็นตัวกลางทำหน้าที่เก็บจากผู้ประกอบการไปเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเขารู้ว่าเอกชนเหล่านี้เป็นใครแต่เปิดเผยผ่านสื่อไม่ได้เพราะเกรงจะถูกฟ้องร้อง และสติกเกอร์ส่วยก็จะมีอยู่หลายรูปแบบทั้งกระต่าย นก พระอาทิตย์หรือตัวเลขต่างๆ โดยจะมีการเปลี่ยนทุกเดือน เพื่ออัพเดตว่ารถคันนี้จ่ายส่วยแล้วหรือไม่ โดยเขายังบอกวิธีสังเกตว่ารถที่จ่ายจะวิ่งขวาเพราะตำรวจไม่เรียก

อภิชาติแจ้งด้วยว่าทางสหพันธ์ขนส่งฯ จะนำเอกสารหลักฐานและวิดีโอที่แอบถ่ายไว้ไปมอบให้พรรคก้าวไกลเพื่อให้หาทางแก้ไขต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net