Skip to main content
sharethis

ศาลอาญาทุจริตฯ พิพากษาอดีตนายก อบจ.ลำปาง กับพวกทุจริตขุดลอกลำน้ำ 29 โครงการ ผิด 29 กระทง จำคุก 116 ปี แต่คดียังไม่สิ้นสุด ป.ป.ช.ภาค 5 เปิดเผยคดีนี้ประมาณมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท แต่คดียังไม่สิ้นสุด โดยเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเชื่อว่าจำเลยจะใช้สิทธิการอุทธรณ์คดีตามกระบวนการทางกฎหมาย 

สื่อหลายสำนัก อาทิ มติชนออนไลน์ สยามรัฐ และ ไทยรัฐออนไลน์ รายงานตรงกันว่าเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2566 ว่าสำนักงานป้องกันและปราบปรามทุจริตภาค 5 แถลงผลการดำเนินงานของ ป.ป.ช.ภาค 5 และ ป.ป.ช.ประจำ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประจำเดือน ก.ย. 2566 โดยมีคดีทุจริตที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัย และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ได้มีคำพิพากษาลงโทษผู้ถูกกล่าวหารวม 12 คดี โดยมีคดีสำคัญเป็นคดีทุจริตโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปางปีงบประมาณ 2549 และ 2550 จำนวน 29 โครงการ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัยผู้ถูกกล่าวหารวม 9 ราย เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2564

ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องทั้ง 9 คนเป็นจำเลย ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 พิพากษาให้ นางสุนี สมมี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งหมด 29 กระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 116 ปี แต่ให้คงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 

ส่วนจำเลยที่เหลือ มีทั้งอดีตผู้อำนวยการกองกิจการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง จำคุก 8 ปี 8 เดือน 80 วัน และทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองมีคำสั่งไล่ออกจากราชการ ขณะดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง นอกจากนี้ยังมีข้าราชการในระดับปฏิบัติงานถูกสั่งจำคุกลดหลั่นกันไป 

นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 5 เปิดเผยถึงคดีนี้ว่า จำเลยได้ร่วมกันจัดหาบุคคลที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขายและรับจ้างทั่วไป ให้ไปจดทะเบียนพาณิชย์ที่สำนักปลัด อบจ.ลำปาง ให้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้างและขุดลอกลำน้ำ จากนั้นได้ให้ไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาลำปาง และให้ลงลายมือชื่อในใบถอนเงิน ซึ่งจำเลยจะเก็บเอกสารทะเบียนพาณิชย์ บัญชีเงินฝาก ใบถอนเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ไว้ และนำไปใช้ในการเสนอราคาโครงการขุดลอกลำน้ำ 29 โครงการ 

นอกจากนี้จำเลยยังร่วมกันปกปิดข่าวสอบราคาโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำในทุกช่องทาง และดำเนินการเปิดซองเสนอราคาอันเป็นเท็จ โดยจำเลยมีการจัดทำเอกสารเสนอราคาโครงการละ 3 ราย เสมือนมีการแข่งขันยื่นเสนอราคา แต่ละโครงการมีการลงนามย้อนหลังอันเป็นเท็จ และยังมีการปลอมลายมือชื่อกรรมการเปิดซองสอบราคาบางราย เพื่อเป็นเอกสารในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ

หลังจากนั้นได้ให้ผู้รับเหมาที่ว่าจ้างจริงไปลงมือดำเนินการแต่ละโครงการ เมื่อถึงขั้นตอนการเบิกจ่ายค่าจ้างทั้ง 29 โครงการ กลุ่มจำเลยได้นำเช็คที่ อบจ.ลำปาง ออกให้ ไปขึ้นเงินธนาคาร โดยว่าจ้างให้กลุ่มลูกจ้าง อบจ.และลูกจ้างเอกชนไปถอนเงินแทนแล้วกลุ่มจำเลยได้นำเงินสดโครงการละประมาณ 1.7-1.9 ล้านบาท มาแบ่งส่วนกันที่ห้องทำงานของ นางสุนี สมมี นายก อบจ.ลำปาง (ในขณะนั้น) โดยแบ่งจ่ายให้กับผู้รับเหมาที่ทำงานจริงร้อยละ 60 ของวงเงินตามสัญญาจ้าง ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 นำมาแบ่งกันในกลุ่มจำเลย  

ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 5 เปิดเผยว่า คดีนี้ประมาณมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท แต่คดียังไม่สิ้นสุด โดยเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเชื่อว่าจำเลยจะใช้สิทธิการอุทธรณ์คดีตามกระบวนการทางกฎหมาย 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net