Skip to main content
sharethis

'ก้าวไกล' ไม่รอ รบ.ใหม่ เข้าชื่อเสนอญัตติตั้ง กมธ.ว่าด้วยสันติภาพชายแดนใต้ เบื้องต้น มี ส.ส.ก้าวไกล ลงนามแล้ว 30 คน หวังเปิดพื้นที่ถกเถียงที่หลากหลาย บนแนวทางสันติวิธี

 

20 ก.ค. 2566 เว็บไซต์ มติชนออนไลน์ รายงานวันนี้ (20 ก.ค.) รอมฎอน ปันจอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ต่อกรณีความคืบหน้าในการเสนอญัตติและร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงและสันติภาพใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตามที่พรรคก้าวไกล ได้ประกาศเป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีเนื้อหาดังนี้

"ทำงานต่อไม่รอแล้ว - สันติภาพและความมั่นคงเป็นเรื่องของประชาชนพลเรือนมือเปล่าด้วยนะครับ วันนี้ที่สภาฯ มีมูฟสำคัญเกี่ยวกับ สันติภาพ ในชายแดนใต้/ปาตานี เรื่องแรกคือการริเริ่มตั้งต้นยุบ กอ.รมน. ด้วยการเสนอร่างกฎหมายอย่างเป็นทางการ อีกเรื่องเป็นการเข้าชื่อเสนอญัตติให้สภาผู้แทนฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญว่าเรื่องการสร้างสันติภาพ ตอนนี้ลงนาม โดย ส.ส.ก้าวไกล รวม 30 คนแล้ว (ต้องการอย่างต่ำ 20 มีคนที่ลงไม่ทันด้วย ต้องขออภัย)

"ทั้งสองเรื่องเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกล สัญญาเอาไว้กับประชาชนครับ วางอยู่บนแนวคิดที่ว่าการเผชิญหน้าและรับมือกับความขัดแย้งในชายแดนใต้มาตลอดหลายสิบปีนั้นจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทิศทาง นั่นคือการลดบทบาทของกองทัพลง และเพิ่มบทบาทของพลเรือนให้มากขึ้น โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะที่เป็นสถาบันที่ยึดโยงกับประชาชน พื้นที่ของสภาฯ เช่นนี้จะเปิดโอกาสให้เราสามารถดึงเสียงที่แตกต่างหลากหลายมาถกเถียงเรื่องสำคัญๆ ได้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งโดยตัวมันเองก็เป็นกลไกที่จะส่งเสริมการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยไม่ใช้ความรุนแรง

"ความขัดแย้งในชายแดนใต้เป็นปัญหาอำนาจรัฐ เป็นเรื่องใหญ่ และเรื่องระดับชาติ การมอบหมายให้อยู่ภายใต้กรอบคิดและการดำเนินงานของหน่วยงานความมั่นคงชนิดพิเศษอย่างที่ผ่านมาไม่เพียงพอแล้วครับ เราต้องการทิศทางที่สร้างสรรค์และเปิดกว้างมากกว่านั้น

"เพื่อไม่ให้ทิ้งระเบิดเวลาให้กับคนรุ่นถัดไป

"ที่จริงแล้ว การยุบ กอ.รมน. ไม่ได้วางอยู่บนเหตุผลแค่เรื่องสันติภาพในดินแดนใต้สุดเท่านั้น แม้ในช่วงการฟื้นตัวก่อกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งในปี 2551 จะอิงกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่นั่น ปัญหาของหน่วยงานรัฐซ้อนรัฐนี้ปรากฏอยู่ทั่วทั้งประเทศ การแทรกแซงเข้าไปในกิจกรรมทางการเมืองของประชาชน มองหาภัยคุกคามและข้าศึกอยู่ตลอดเวลาเช่นนั้นไม่เป็นผลดีต่อพัฒนาการของประชาธิปไตยในระยะยาว

“เรื่องนี้เป็นหนึ่งในกฎหมาย 5 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปกองทัพ แต่ละเรื่องนับเป็นหัวใจสำคัญของหลักการควบคุมกองทัพด้วยรัฐบาลพลเรือนแทบทั้งสิ้นครับ

"ชวนทุกท่านติดตาม และถกเถียงถึงพัฒนาการของกระบวนการสันติภาพในรัฐสภาไทยอย่างใกล้ชิด

"ส่วนโฉมหน้าของรัฐบาลใหม่ จะเป็นอย่างไร ก็ต้องลุ้นกัน แต่ฝั่งนิติบัญญัติไม่รอแล้ว"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net