Skip to main content
sharethis

สหรัฐฯ ออกมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซีย มุ่งเป้าบุคคลและองค์กร 500 ราย ในวาระครบรอบ 2 ปี สงครามที่รัสเซียส่งทหารรุกรานยูเครน 


ที่มาภาพ: Wikimedia

VOA รายงานว่ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาตรการลงโทษ มุ่งเป้าบุคคลและองค์กรเกือบ 300 รายชื่อเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2567 ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาตรการลงโทษกับบุคคลและองค์กรกว่า 250 รายชื่อ ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้เพิ่มรายชื่อบริษัทกว่า 90 แห่งของรัสเซีย จีน ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศอื่น ๆ เข้าไปในบัญชีดำของสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวในวันศุกร์ว่ามาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย “ต้องชดใช้ในการก้าวร้าวรุกรานในต่างประเทศและการปราบปรามผู้เห็นต่างในประเทศ”

มาตรการลงโทษชุดใหม่ของสหรัฐฯ มุ่งเป้าไปในที่ระบบธุรกรรมการเงินของรัสเซีย ที่ชื่อว่า เมียร์ (Mir) สถาบันการเงินต่าง ๆ ฐานอุตสาหกรรมการทหารของรัสเซีย ภาคพลังงานและภาคส่วนอื่น ๆ รวมทั้งยังมีมาตรการลงโทษต่อเจ้าหน้าที่เรือนจำ ที่สหรัฐฯ ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนาวาลนีอีกด้วย

อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าวผ่านบัญชีเทเลแกรมของสถานทูตรัสเซียในสหรัฐฯ ว่า “รัฐบาลวอชิงตันไม่เข้าใจหรือว่ามาตรการลงโทษเหล่านี้ไม่อาจจัดการเราได้?”

รัสเซียส่งทหารรุกรานยูเครน เมื่อ 24 ก.พ. 2566 และสงครามนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนนับหมื่นและทำให้หลายเมืองเสียหายหนัก

ที่ผ่านมา คณะทำงานของประธานาธิบดีไบเดน พยายามหาทางสนับสนุนยูเครน ในช่วงที่ยูเครนเผชิญกับการขาดแคลนกระสุน และการอนุมัติความช่วยเหลือด้านการทหารของสหรัฐฯ ล่าช้ามาหลายเดือนแล้ว

ชาติตะวันตกได้ระดมอัดมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียมากมายหลังสงครามยูเครนปะทุขึ้น โดยในวันศุกร์ ทางสหภาพยุโรป อังกฤษ และแคนาดา ออกมาตรการลงโทษรัสเซียเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ทำให้ตอนนี้มีบุคคลและองค์กรกว่า 2,000 รายชื่อที่อยู่ในบัญชีดำของสหภาพยุโรปภายใต้มาตรการลงโทษที่มุ่งเป้ารัสเซียแล้ว

ที่น่าสนใจคือ นี่เป็นครั้งแรกที่มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจของอียู มุ่งเป้าบริษัทของจีน ที่ต้องสงสัยว่าช่วยเหลือรัฐบาลเครมลิน นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอินเดีย ตุรกี เซอร์เบีย คาซัคสถาน สิงคโปร์ ศรีลังกา ฮ่องกง รวมทั้งไทย ที่อยู่ในรายชื่อล่าสุดนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของรัสเซียที่มุ่งเน้นภาคการส่งออกนั้น กลับมีความทนทานต่อมาตรการลงโทษที่ชาติตะวันตกระดมใช้กับรัสเซียมาร่วม 2 ปี

โดยเศรษฐกิจแดนหมีขาวอยู่ในทิศทางที่ดีกว่าคาดการณ์ ซึ่งทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของรัสเซีย จะเติบโต 2.6% ในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมในเดือน ต.ค. ปีก่อนราว 1.5% หลังจากเศรษฐกิจรัสเซียเติบโตได้ 3.0% ในปี 2566

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net