Skip to main content
sharethis

Stateline สื่อที่ติดตามประเด็นท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา รายงานว่าสัตวแพทย์ในสหรัฐฯ ต่างกังวลเมื่อกลุ่มทุนกำลังกว้านซื้อคลินิกรักษาสัตว์ ห่วงค่าบริการที่สูงขึ้น คุณภาพที่ลดลง และการทำลายการแข่งขันในอุตสาหกรรม ทั้งนี้มีหลายรัฐที่ยังคงมีกฎหมายห้ามบุคคลที่ไม่ใช่สัตวแพทย์เป็นเจ้าของคลินิกรักษาสัตว์คอยต้านทานกระแสนี้ไว้


ที่มาภาพประกอบ: Warrior Canine Connection

Stateline สื่อที่ติดตามประเด็นท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา รายงานว่าประมาณ 1 ปีที่แล้ว (ช่วงปี 2023) สัตวแพทย์ เมลิสซา เอเซลล์ (Melissa Ezell) เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่คลินิกรักษาสัตว์ขนาดกลางในเมืองฮันส์วิลล์ รัฐแอละแบมา ที่เธอทำงานอยู่

เธอและสัตวแพทย์คนอื่น ๆ รู้สึกกดดันจากฝ่ายบริหารให้สร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากเคสต่าง ๆ ด้วยการเสนอบริการให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เธอถูกกระตุ้นให้รับเคสมากขึ้นนอกเวลางานปกติ

“ก่อนหน้านี้ ฉันไม่เคยรู้สึกกดดันว่าจะต้องทำเงินให้ได้จำนวนหนึ่งในแต่ละวัน” เอเซลล์ ซึ่งเริ่มทำงานที่คลินิกในปี 2021 กล่าวกับ Stateline “มันเคยเป็นแค่ ‘เติมตารางของคุณให้เต็ม ฝึกฝนด้านการแพทย์ที่ดี และทุกอย่างจะตามมาเอง’”

คลินิกแห่งนี้เป็นเจ้าของโดย National Veterinary Associates ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือคลินิกสัตวแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ในปี 2020 บริษัทถูกซื้อโดย JAB Consumer Partners บริษัทการลงทุนทางธุรกิจระดับโลกที่มีฐานอยู่ในลักเซมเบิร์ก เอเซลล์บอกว่าช่วงต้นปี 2023 เธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศของคลินิก และมีการเน้นเพิ่มกำไรมากขึ้น

การรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพของมนุษย์ของบริษัทด้านการลงทุนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้จุดชนวนความไม่พอใจในที่สาธารณะและการตรวจสอบโดยหน่วยงานนิติบัญญัติ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเพิ่มราคา ลดบริการ และปิดโรงพยาบาลเพื่อเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นให้ได้มากที่สุด

ตอนนี้ สัตวแพทย์บางคนและผู้สนับสนุนกำลังเตือนว่าการเข้าสู่อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงของบริษัทด้านการลงทุนอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน

บางรัฐมีกฎหมายที่ห้ามบุคคลที่ไม่ใช่สัตวแพทย์เป็นเจ้าของคลินิกสัตวแพทย์แล้ว และผู้บริโภคบางคนต้องการให้รัฐต่าง ๆ ทบทวนการเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้

“กองทุนจำนวนมากมองว่าธุรกิจดูแลและรักษาสัตว์เป็นแหล่งทำกำไรที่ดี” แกรนท์ เจคอบสัน (Grant Jacobson) สัตวแพทย์จากไอโอวาซึ่งเป็นกรรมการในสมาคมสัตวแพทย์อิสระ (Independent Veterinary Practitioners Association) กล่าว เขาบอกว่าเขาได้เห็นเครือคลินิกที่เป็นขององค์กรในภูมิภาคของเขาขึ้นราคาการให้บริการ ทำลายการแข่งขันในตลาด และหลีกเลี่ยงกฎหมายของรัฐที่ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ใช่สัตวแพทย์เป็นเจ้าของคลินิกสัตว์เลี้ยงอย่างชัดเจน

บริษัทด้านการลงทุนต่าง ๆ เช่น Shore Capital Partners, KKR, TSG Consumer และ JAB Consumer Partners ได้ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากับคลินิกสัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์เฉพาะทาง บริการประกันภัยสัตว์เลี้ยง และบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยง บริษัทที่ถูกบริษัทด้านการลงทุนเหล่านี้ซื้อไปแล้ว ได้แก่ PetSmart, PetVet Care Centers, FIGO, Thrive Pet Healthcare และ ASPCA Pet Health Insurance

บริษัทด้านการลงทุนกล่าวว่าการลงทุนเหล่านั้นให้เงินทุนที่คลินิกและผู้ให้บริการรายอื่น ๆ จำเป็นต้องใช้ในการซื้อเทคโนโลยีที่ดีขึ้น และพวกเขากำลังปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ในหลายกรณี เครือขององค์กรต่าง ๆ สามารถเสนอสวัสดิการที่ดีขึ้นในที่ทำงานให้กับพนักงานได้ เช่น การประกันสุขภาพ

ในแถลงการณ์ต่อ Stateline ทาง National Veterinary Associates กล่าวว่าปรัชญาของบริษัทนั้นคือ "ยึดหลักการที่ให้สัตวแพทย์เป็นผู้ตัดสินใจทางการแพทย์ ไม่ใช่สำนักงานใหญ่ขององค์กร" และโปรแกรมการเป็นเจ้าของร่วมกันของสัตวแพทย์นั้น "เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมและมีความโดดเด่นเฉพาะตัวท่ามกลางบริษัทคู่แข่งของเรา"

"วิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างชุมชนของโรงพยาบาลที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงไว้วางใจ เข้าถึงได้ง่าย และให้การดูแลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" National Veterinary Associates ระบุในแถลงการณ์

JAB Consumer Partners ไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็นจาก Stateline

สัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทำเงินมากขึ้นขึ้น


ที่มาภาพประกอบ: Warrior Canine Connection 

บริษัทด้านการลงทุน 'ไพรเวทอิควิตี้' (Private Equity) ใช้เงินลงทุนที่รวบรวมจากกองทุนบำเหน็จบำนาญ และการระดมทุนจากผู้มั่งคั่ง เพื่อซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้วบริษัทเหล่านี้จะมองหาผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะขายออกภายในไม่กี่ปี  พวกเขาได้เข้าซื้อกิจการขนาดเล็กในหลากหลายอุตสาหกรรมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สถานดูแลผู้สูงอายุไปจนถึงธุรกิจล้างรถ

เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงพุ่งสูงขึ้นในช่วงการระบาดของ COVID-19 ไพรเวทอิควิตี้ก็ตามมาติด ๆ  ช่วงการระบาดในปี 2020-2022 เป็น "ปีที่การเข้าซื้อกิจการดูแลและรักษาสัตว์โดยไพรเวทอิควิตี้มีจำนวนสูงสุด" ไมเคิล เฟนน์ (Michael Fenne) ผู้ประสานงานอาวุโสด้านการดูแลสุขภาพที่ Private Equity Stakeholder Project องค์กรเฝ้าระวังแบบไม่แสวงหาผลกำไรที่สนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการเป็นเจ้าของโดยไพรเวทอิควิตี้ กล่าว

ชาวอเมริกันใช้จ่ายเป็นประวัติการณ์ถึง 147 พันล้านดอลลาร์ฯ ในผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงในปี 2023 จากปี 2017 ถึง 2022 ไพรเวทอิควิตี้ใช้เงิน 45 พันล้านดอลลาร์ฯ ในการซื้อขายในภาคธุรกิจดูแลและรักษาสัตว์ ตามข้อมูลของ PitchBook ที่ติดตามข้อมูลการลงทุน

อุตสาหกรรมดูแลและรักษาสัตว์นั้นมีความน่าสนใจเพราะส่วนใหญ่ประกอบด้วยธุรกิจขนาดเล็กที่เป็นของเอกชน ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่สามารถซื้อและรวมเข้าเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้นได้  และส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ใช้เงินสด: ต่างจากการดูแลรักษาสุขภาพของมนุษย์ ลูกค้าในธุรกิจดูแลและรักษาสัตว์มักจะจ่ายจากเงินในกระเป๋าของตัวเอง มากกว่าที่จะพึ่งพาผู้จ่ายเงินบุคคลที่สาม เช่น บริษัทประกันภัย

ในบางกรณี บริษัทไพรเวทอิควิตี้และบริษัทอื่น ๆ จะซื้อคลินิกชุมชนจากสัตวแพทย์ที่เป็นเจ้าของในราคา 2 เท่า 5 เท่า หรือแม้แต่ 10 เท่าของมูลค่าจริง จากนั้นจึงนำคลินิกต่าง ๆ ที่ซื้อมารวมกันเป็นเครือคลินิกขนาดใหญ่ขึ้นที่สามารถครอบงำตลาดระดับภูมิภาคได้

เป็นกลยุทธ์ที่สามารถผลักดันเจ้าของกิจการรายอื่นออกจากธุรกิจได้ เจคอบสัน (Jacobson) สัตวแพทย์รายหนึ่งที่ขอสงวนนามสกุลในรัฐไอโอวา กล่าวว่าเขาใช้เวลาเกือบ 20 ปีทำงานที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งในรัฐไอโอวา และหวังว่าจะซื้อกิจการเมื่อผู้ก่อตั้งดั้งเดิมเกษียณอายุ

แต่ผู้ก่อตั้งขายกิจการให้กับเครือสัตวแพทย์ขนาดใหญ่ที่เป็นของ Mars Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่รู้จักกันดีที่สุดในการเป็นเจ้าของแบรนด์ขนมต่างๆ รวมถึง M&Ms ในราคาที่มากกว่าข้อเสนอของเขาถึง 1 ล้านดอลลาร์ฯ เจคอบสันกล่าว  แม้ว่า Mars จะไม่ใช่บริษัทไพรเวทอิควิตี้ แต่ถือเป็นผู้รวมกิจการด้านการดูแลสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นเจ้าของบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยง ร้านขายยาสำหรับสัตว์เลี้ยง และเครือคลินิกรักษาสัตว์ เช่น Banfield Pet Hospitals และ BluePearl

ประมาณ 1 ใน 4 ของคลินิกสัตวแพทย์ทั่วไป และประมาณ 3 ใน 4 ของคลินิกสัตวแพทย์เฉพาะทาง เช่น การดูแลฉุกเฉินและการผ่าตัด เป็นของบริษัทขนาดใหญ่ในปัจจุบัน ตามข้อมูลจากจอห์น โวล์ค (John Volk) จาก Brakke Consulting บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการสัตวแพทย์

เครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนโดยไพรเวทอิควิตี้บางแห่ง เช่น National Veterinary Associates ซื้อคลินิกสัตวแพทย์ชุมชน โดยไม่ทำการรีแบรนด์ภายใต้ชื่อของเครือ  ส่งผลให้ลูกค้าอาจไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงเจ้าของ

“อาจดูเหมือนว่าคุณได้รับการดูแลจากชุมชนท้องถิ่น แต่ในความเป็นจริงกลับมีชุดแรงจูงใจต่าง ๆ จากธุรกิจขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ [ในคลินิก] ซึ่งมาจากเจ้าของกิจการซึ่งเป็นไพรเวทอิควิตี้" เฟนน์ กล่าว

สถานที่ทำงานที่สัตวแพทย์ต้องการ


ที่มาภาพประกอบ: CVCA Cardiac Care for Pets

โลริ โคแกน (Lori Kogan) ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์คลินิกที่วิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโคโลราโด ได้ทำการสำรวจสัตวแพทย์เกือบ 900 คนในปี 2022 เกี่ยวกับประสบการณ์และความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับคลินิกสัตวแพทย์ที่เป็นของบริษัทด้านการลุงทุนเทียบกับคลินิกที่เป็นของเอกชน

แม้ว่าสัตวแพทย์ส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสอบถามจะทำงานให้กับคลินิกของบริษัท แต่โคแกนพบว่ามากกว่าครึ่งระบุว่าพวกเขาต้องการทำงานในคลินิกเอกชนมากกว่า สวัสดิการที่เสนอโดยเครือบริษัทต่าง ๆ เช่น ประกันสุขภาพ ดูเหมือนจะไม่เพียงพอที่จะแทนที่ความต้องการอื่น ๆ ได้ โคแกนกล่าวกับ Stateline

“ความรู้สึกว่าพวกเขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ความรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการยอมรับในฐานะปัจเจกบุคคล สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้คน” เธอกล่าว “ฉันคิดว่าการที่บริษัทเป็นเจ้าของสามารถบรรลุสิ่งเหล่านั้นได้ แต่จะต้องใส่ใจให้มากขึ้น”

เอเซลล์สัตวแพทย์ที่ออกจาก National Veterinary Associates กล่าวว่าความกดดันนั้นส่งผลกระทบต่อทั้งสัตว์ที่ป่วยและเจ้าของด้วยเช่นกัน

“อาจเป็นการถูกชักจูงให้ใช้บริการเพิ่มเติมซึ่งอาจจำเป็นหรือไม่จำเป็นจริง ๆ หรือรู้สึกว่าคุณกำลังถูกทำให้เร่งรีบ” เอเซลล์ กล่าว “คุณรู้สึกว่าคุณมีเวลาอยู่กับสัตวแพทย์น้อยเกินไป และออกไปโดยไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของคุณ หรือมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของคุณตอนมันป่วย”

ในแถลงการณ์ต่อ Stateline ทาง National Veterinary Associates ระบุว่าบริษัทได้ “ลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน เป็นผู้บุกเบิกการวิจัยทางคลินิก โครงการศึกษาต่อเนื่องชั้นนำของอุตสาหกรรม และโครงการริเริ่มด้านความเป็นอยู่ที่ดี”

รัฐจะเข้าแทรกแซงได้หรือไม่?

เมื่อเดือน ส.ค. 2023 Thrive Pet Healthcare ประกาศว่าจะปิดคลินิกสัตวแพทย์ฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงแห่งเดียวในเขตเมืองโรเชสเตอร์ นิวยอร์ก Thrive เป็นเครือโรงพยาบาลสัตวแพทย์มากกว่า 380 แห่ง ที่มีฐานอยู่ในออสติน รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นของบริษัทไพรเวทอิควิตี้  TSG Consumer

“ความคิดที่ว่าจะมีการปิดศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยงฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงแห่งเดียวในเขตเมืองทั้งหมดของเรานั้นน่ากลัวมาก” ราเชล บาร์นฮาร์ด (Rachel Barnhart) สมาชิกสภาท้องถิ่น Monroe County ในรัฐนิวยอร์ก สังกัดพรรคเดโมแครต ผู้ซึ่งพาสุนัขของเธอไปที่คลินิกกล่าว “เราเป็นชุมชนที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน แนวคิดที่ว่าเราไม่สามารถสนับสนุนสถานดูแลสัตว์เลี้ยงแบบ 24 ชั่วโมงได้นั้นช่างน่าตกใจ”

บาร์นฮาร์ด ได้เขียนจดหมายถึง Federal Trade Commission (FTC) เพื่อขอให้ตรวจสอบ Thrive ซึ่งดำเนินการคลินิกมากกว่า 10 แห่งในโรเชสเตอร์ เธอกล่าวว่าเธอได้เห็น FTC ดำเนินการกับผู้ต่อต้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมสัตวแพทย์ในที่อื่น ๆ และรู้สึกว่า Thrive สมควรได้รับการตรวจสอบข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน

ฝ่ายบริหารของ Thrive กล่าวในจดหมายถึงบาร์นฮาร์ด และในรายงานของสื่อว่า การขาดแคลนสัตวแพทย์ ER ทำให้ไม่สามารถจ้างคนงานเพียงพอเพื่อให้คลินิกเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงได้  แต่บาร์นฮาร์ดสงสัยว่าบริษัทต้องการปิดคลินิกเนื่องจากพนักงานเพิ่งลงคะแนนเสียงให้จัดตั้งสหภาพแรงงาน ทาด สตาเฮล (Tad Stahel) CEO ของบริษัทกล่าวในจดหมายถึงบาร์นฮาร์ดว่าการปิดกิจการไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสหภาพแรงงานของพนักงาน

ในปี 2022 FTC ได้ดำเนินการกับบริษัท JAB Consumer Partners ซึ่งเพิ่งเข้าซื้อกิจการบริษัทดูแลและรักษาสัตว์จำนวนมาก FTC กำหนดให้บริษัทฯ ถอนการลงทุนในคลินิกสัตวแพทย์บางแห่งในแคลิฟอร์เนีย โคโลราโด เท็กซัส เวอร์จิเนีย และวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเป็นเงื่อนไขในการอนุมัติการซื้อกิจการเครือข่ายดูแลและรักษาสัตว์หลายรัฐมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ฯ ของอีก 2 บริษัท

หากรัฐต่าง ๆ อนุญาตให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานตรวจสอบการควบรวมกิจการและการเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ที่คล้ายคลึงกันในอุตสาหกรรมดูแลและรักษาสัตว์ นั่น “จะเป็นก้าวแรกที่ดี” ในการปกป้องผู้บริโภค เฟนน์จากกลุ่มผู้สนับสนุนกล่าว

หลายรัฐได้มีกฎหมายที่ห้ามบุคคลที่ไม่ใช่สัตวแพทย์เป็นเจ้าของคลินิกสัตวแพทย์อยู่แล้ว รวมถึงไอโอวา มินนิโซตา นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก และนอร์ทแคโรไลนา แนวคิดคือการป้องกันผลประโยชน์ของบริษัทกำหนดแนวทางการตัดสินใจทางการแพทย์ของสัตวแพทย์

ผู้เชี่ยวชาญและผู้สนับสนุนคาดว่าจะเห็นการรวมตัวเป็นองค์กรมากขึ้นในการปกป้องวิชาชีพสัตว์แพทย์ เนื่องจากมีบริษัทจำนวนมากขึ้นไม่เพียงแต่เข้าซื้อกิจการคลินิกสัตวแพทย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ในวงการดูแลสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

ในเดือน ก.พ. 2024 บริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่ Blackstone Inc. ได้เข้าซื้อกิจการ Rover แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสำหรับการฝากเลี้ยงสัตว์เลี้ยง การพาสุนัขไปเดินเล่น และบริการอื่น ๆ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา JAB ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทประกันภัยสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

เอเซลล์ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ในรัฐแอละแบมา ตัดสินใจรับงานที่คลินิกเอกชนแห่งอื่นในเมือง เธอจะเริ่มงานที่นั่นในอีกไม่กี่สัปดาห์

“การแพทย์ที่ถูกครอบงำโดยบริษัทไม่ใช่เรื่องเลวร้ายทั้งหมด คุณสามารถพบสัตวแพทย์ที่น่าทึ่งและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลที่มีความห่วงใยได้ทุกที่” เธอบอกกับ Stateline “แต่มันก็ง่ายที่จะหลงลืมจรรยาบรรณของคุณ เหตุผลที่เราทำสิ่งนี้คือเราต้องการสร้างความแตกต่างในชีวิตของสัตว์เลี้ยงและผู้คน หากเราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เราก็ควรพยายามแก้ไขมัน”

 

ที่มา:
Vets fret as private equity snaps up clinics, pet care companies (Anna Claire Vollers, Stateline, 29 March 2024)
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net