Skip to main content
sharethis

สธ.เผยเหตุแผ่นดินไหวที่พม่าเช้านี้ แรงสั่นสะเทือนถึงหลายจังหวัดในไทย พบ 3 จังหวัด โรงพยาบาล 14 แห่งได้รับผลกระทบ ได้แก่ เชียงราย 11 แห่ง เชียงใหม่ 2 แห่ง และสกลนคร 1 แห่ง ส่วนใหญ่เกิดรอยร้าว ไม่กระทบโครงสร้างหลัก ส่งทีมช่างเข้าตรวจสอบเพิ่มเติม เปิดบริการได้ 12 แห่ง ปิดบริการบางส่วน 2 แห่ง - นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เชื่อระยะทางที่ห่างไกล ไม่กระทบให้โครงสร้างหลักของอาคารได้รับความเสียหาย

17 พ.ย. 2566 จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.4 เกิดขึ้นที่ระดับความลึกประมาณ 9 กิโลเมตร ในประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 100 กม. ซึ่งจุดที่เกิดแผ่นดินไหว มีแนวรอยเลื่อนเชียงตุงพาดผ่าน แผ่นดินไหวดังกล่าวจัดว่าเป็นแผ่นดินไหวขนาดปานกลาง และเป็นแผ่นดินไหวในระดับตื้น จึงส่งผลกระทบต่อพื้นที่จังหวัดภาคเหนือโดยตรงเนื่องจากอยู่ใกล้กับจุดที่เกิดแผ่นดินไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่นั้น

สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่านพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงขนาด 6.4 ในพื้นที่ จ.เชียงตุง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ว่าการเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงหลายพื้นที่ในประเทศไทย เบื้องต้นได้รับรายงานผลกระทบ ใน 3 จังหวัด ได้แก่ 1.เชียงราย มีหน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ จำนวน 11 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โรงพยาบาลแม่ลาว โรงพยาบาลสมเด็จพระญาณสังวร โรงพยาบาลแม่จัน โรงพยาบาลพาน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ  โรงพยาบาลเชียงแสน โรงพยาบาลพญาเม็งราย โรงพยาบาลดอยหลวง โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง และโรงพยาบาลแม่สาย ส่วนใหญ่พบปัญหามีรอยร้าว รอยแยกหลายจุดทั้งภายในและภายนอกอาคาร แต่ไม่ได้มีผลกระทบโครงสร้างหลัก โดยโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ปิดบริการบางส่วนที่ตึกกุมารเวช โดยย้ายผู้ป่วยไปที่ตึกสงฆ์แทน ได้กำชับให้สำรวจโครงสร้างหลักตึกสูงอย่างละเอียดโดยให้สาธารณสุขนิเทศก์และเจ้าหน้าที่กองวิศวกรรมการแพทย์ สำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบเพิ่มเติม

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า 2.เชียงใหม่ มีรายงานความเสียหาย 2 แห่ง ที่โรงพยาบาลสันทราย อาคารมีรอยร้าวเพิ่มหลายจุด และรอยร้าวเดิมเพิ่มความยาวขึ้น และโรงพยาบาลเชียงดาว พบรอยร้าว 1 แห่งที่ห้องยา สำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1 เชียงใหม่ จะเข้าตรวจสอบและประเมินความเสียหายเช่นกัน โดยทั้งสองแห่งเปิดบริการตามปกติ และ 3.สกลนคร ตึกอุบัติเหตุฉุกเฉิน 9 ชั้น เกิดการสั่นไหวและมีรอยร้าว ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากตึก และประกาศปิดบริการอาคารดังกล่าวทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยนอก กรณีผู้ป่วยฉุกเฉินให้ส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงหรือรับบริการที่ ตึกรังสีรักษา ก่อนชั่วคราว เบื้องต้นทีมโยธาธิการของจังหวัดได้ตรวจสอบโครงสร้างพบว่าน่าจะไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ทีมช่างจากส่วนกลางจะเข้าตรวจสอบอีกครั้งช่วงสุดสัปดาห์นี้ สำหรับจังหวัดอื่นๆ ที่ได้รับแรงสั่นไหวแต่ไม่ได้รับผลกระทบมี 6 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง แม่ฮ่องสอน พิจิตร ชัยนาท กำแพงเพชร และอุทัยธานี

กรมอนามัย ส่งทีม SEhRT ลงพื้นที่ประเมินผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว

แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากข้อมูลรายงานการเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวของกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 เวลา 08.37 น. เกิดแผ่นดินไหวจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศเมียนมา ขนาด 6.4 ความลึก 9 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 100 กิโลเมตร ส่งผลให้เกิดความสั่นสะเทือนในหลายจังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน อุดรธานี ขอนแก่น สกลนคร และกรุงเทพมหานคร จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้รับผลกระทบ เช่น ประชาชนมีอาการวิงเวียนศีรษะ อาคารสูง สถานที่ต่าง ๆ บ้านเรือนของประชาชน รวมถึงสถานบริการสาธารณสุขหลายแห่งได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือน เช่น โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร จ.สกลนคร ได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน ทำให้ตัวอาคารมีรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ ต้องอพยพผู้ป่วยและประชาชนออกจากพื้นที่

แพทย์หญิงอัจฉรา กล่าวต่อว่า กรมอนามัยได้มอบหมายให้ทีมปฏิบัติการทีม SEhRT ของศูนย์อนามัย ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ประเมินผลกระทบทางสุขภาพและความเสียหายด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานบริการสาธารณสุขที่เสียหายและชุมชน ได้แก่ ความปลอดภัยอาคาร ระบบออกซิเจน ระบบไฟฟ้าและไฟฟ้าสำรอง ระบบสาธารณูปโภค ระบบบำบัดน้ำเสีย และเร่งเฝ้าระวังด้านสุขาภิบาล เช่น การปนเปื้อนสารเคมีในน้ำจากระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลที่เสียหาย การปนเปื้อนของฝุ่นละอองที่เกิดจากอาคารพังทลายเสียหาย เป็นต้น สำหรับประชาชนให้เร่งสื่อสารสร้างความรอบรู้เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน คือ 1) ติดตาม รับฟังข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐ เมื่อเกิดเหตุให้ตั้งสติ และเตรียมพร้อมอพยพ 2) กรณีอาศัยอยู่ภายในบ้านให้หมอบลงที่พื้นใต้โครงสร้างอาคารแข็งแรง ป้องกันสิ่งของจากเพดานหรือที่สูงหล่นใส่ 3) กรณีเปิดแก๊สประกอบปรุงอาหาร ให้หยุดการทำกิจกรรมดังกล่าว และปิดแก๊สโดยทันที 4) กรณีอยู่ในอาคารสูง คอนโด อพาร์ทเม้นท์ให้เตรียมอพยพ หากมีความรุนแรงต่อเนื่อง ให้รีบออกจากอาคารทันที โดยใช้ทางหนีไฟ ห้ามใช้ลิฟท์โดยสารเด็ดขาด เมื่อพ้นจากอาคารให้ออกไปให้ห่างจากตัวอาคารให้มากที่สุด และต้องคำนึงถึงบุคคลในบ้านที่เป็นกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยงทางสุขภาพควรเตรียมหาทางพาออกจากพื้นที่โดยเร่งด่วน 5) ออกห่างจากหน้าต่าง และประตู โดยเฉพาะกระจก ป้องกันอันตราย และลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากกรณีตัวโครงสร้างที่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหวรุนแรง 6) กรณีที่อยู่นอกตัวอาคารอยู่แล้ว ห้ามเข้าไปในอาคาร และสังเกตจุดที่ยืนหลบภัย ต้องไม่มีสิ่งปลูกสร้างสูง ป้ายโฆษณา ต้นไม้ เสาไฟฟ้า โดยรอบ เพื่อป้องกันการถล่มหรืออุบัติเหตุ และ 7) เตรียมเก็บสิ่งของที่จำเป็นให้พร้อม สามารถหยิบออกมาได้ทันที

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ให้ดูแลและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ให้สังเกต ทำความคุ้นเคยทางออกฉุกเฉิน หรือทางหนีไฟที่ใกล้ตัวที่สุด หากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะได้สามารถหนีออกมาได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ลดความเสี่ยงการสูญเสีย บาดเจ็บ และเสียชีวิต

นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เชื่อระยะทางที่ห่างไกล ไม่กระทบให้โครงสร้างหลักของอาคารได้รับความเสียหาย

ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย อธิบายถึงผลกระทบต่อโครงสร้างอาคาร โดยแบ่งเป็น 1.พื้นที่ในภาคเหนือ และ 2. กรุงเทพมหานคร สำหรับจังหวัดในภาคเหนือ เนื่องจากระยะทางจากจุดที่เกิดแผ่นดินไหว ถึงจังหวัดเชียงราย ประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าห่างกันพอสมควร แต่ก็ทำให้อาคารเกิดการสั่นไหว และเกิดการแตกร้าวหรือการหลุดร่อนของผนังปูนฉาบในอาคารบางหลังได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้อาคารถล่มลงมาทั้งหลังได้ ทั้งนี้อาคารในพื้นที่ภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบ จะเป็นกลุ่มอาคารเตี้ยถึงสูงปานกลาง เนื่องจากเป็นอาคารที่มีความถี่สูง และจากสภาพพื้นที่เป็นชั้นดินทรายหรือดินแข็ง จึงกระตุ้นให้อาคารกลุ่มนี้สั่นไหวได้มากกว่าอาคารสูงในบริเวณเดียวกัน

สำหรับกรุงเทพมหานครนั้น แม้ว่า กรุงเทพฯ จะอยู่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุถึง 900-1,000 กิโลเมตร แต่อาคารหลายแห่งก็สั่นสะเทือนได้เช่นกัน เนื่องจากสภาพชั้นดินของกรุงเทพฯ ที่เป็นดินอ่อน จึงสามารถขยายความรุนแรงของคลื่นแผ่นดินไหวที่มาจากระยะไกลได้ และส่งผลกระทบต่ออาคารสูง ตั้งแต่ 5-6 ชั้นเรื่อยไปจนถึงอาคารสูงหลายสิบชั้น แต่เชื่อว่าด้วยระยะทางที่ห่างไกลหลายร้อยกิโลเมตรจะไม่ส่งผลกระทบให้โครงสร้างหลักของอาคารในกรุงเทพฯ ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารต้านแผ่นดินไหว ปี 2564 ซึ่งกำหนดให้อาคารต้องออกแบบต้านแรงแผ่นดินไหวได้ โดยครอบคลุมจังหวัดในภาคเหนือ และพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้น 43 จังหวัดทั่วประเทศ

สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ ประชาชนยังไม่ต้องตื่นตระหนก แต่ก็ควรเตรียมความพร้อมรับมือสำหรับแผ่นดินไหวในอนาคตที่อาจจะมีขนาดใหญ่กว่านี้ หรือเกิดขึ้นใกล้กว่านี้ได้ และไม่ว่าจะเกิดจากรอยเลื่อนในประเทศหรือนอกประเทศก็ตาม ทั้ง่นี้มาตรการในการรับมือแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดคือการทำให้โครงสร้างอาคารแข็งแรง เนื่องจากแผ่นดินไหวยังไม่สามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ โดยการออกแบบและก่อสร้างอาคารใหม่ให้ต้านแผ่นดินไหว และเสริมกำลังอาคารเก่าให้รองรับแผ่นดินไหวในอนาคตได้

ที่มาเรียบเรียงจาก สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข | สำนักข่าวไทย [1] [2] 



 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net