Skip to main content
sharethis

'ศิริกัญญา' ทวีตระบุไม่เคยขอให้เพื่อไทยทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อตอนจะร่วมรัฐบาลกัน แต่เห็นเป็นนโยบายเรือธงใช้หาเสียงจึงเสนอว่าหากจะทำก็ได้แต่งบฯ ไม่พอต้องปรับลดลงมา และในตอนนั้นเพื่อไทยปฏิเสธไม่ยอมทำเอง

13 พ.ย. 2566 มติชนออนไลน์ รายงานว่าภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนรัฐบาลยินดีรับฟังอยู่แล้ว เราไม่ได้ดื้อดึงอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ซึ่งโครงการนี้มีการปรับเปลี่ยนเพราะหลายส่วนวิพากษ์วิจารณ์เข้ามา แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย หากฝ่ายค้านจะเสนอแนะวิธีการในโครงการนี้ก็สามารถทำได้ แต่หากจะวิจารณ์แค่ว่าเราผิด หรือแค่หาทางลงนั้น ตนไม่อยากให้คิดแค่เพียงนำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตรัฐบาล

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ทั้งนี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ตั้งใจทำตามสัญญา ซึ่งหัวใจของโครงการนี้ไม่ใช่เพื่อการแจกเงิน แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย ซึ่งเราพยายามเดินหน้าโครงการด้วยความรอบคอบ เราได้มอบหมายคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานงานกับแบงก์ชาติว่าจะใช้วิธีการใด จะต้องกู้หรือไม่ ทุกอย่างจะดำเนินการให้ถูกกฎหมายและทุกฝ่ายเห็นชอบ ส่วนที่จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ารัฐบาลกำลังกลืนน้ำลาย เพราะจะกู้เงินมาทำโครงการ แล้วจะกลายเป็นจุดล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเองนั้น ยืนยันว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประชาชนเป็นกำลังซื้อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หากรัฐบาลทำถูกต้อง ท่านก็ไม่ควรต้องติดใจ

ภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล วิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลกำลังหาทางลงให้กับโครงการนี้ สมัยตอนที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ศิริกัญญา เองก็ขอให้เราทำโครงการนี้ เพียงแต่ขอให้ปรับลดเพดานเงินลง แสดงให้เห็นว่าศิริกัญญา เองก็เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว ดังนั้น ตนจึงไม่อยากให้นำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตกัน ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์ ถามว่าพวกคุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าประเทศไทยขณะนี้ต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ

'ศิริกัญญา' ระบุไม่เคยขอให้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อตอนจะร่วมรัฐบาลกัน

 

 

ต่อกรณีนี้ ศิริกัญญา ได้ทวีตข้อความระบุว่า "ดิฉันไม่เคย “ขอ” ให้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เมื่อจะร่วมรัฐบาลกัน ในการร่วมประชุมเพื่อวางแผนงบปี 67 อยากให้งบครอบคลุมโครงการของพรรคร่วมและเห็นว่านโยบายนี้เป็นนโยบายเรือธงที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียง"

"จึงเสนอว่าหากจะทำก็ได้ แต่งบประมาณไม่พอ ถ้าจะทำจริงต้องปรับลดงบลงมา และก็เป็นพรรคเพื่อไทยเองที่ปฏิเสธไม่ยอมทำ"

"ถ้าอยากให้ดิฉันหยุดพูดเรื่องนี้ก็เปิดเผยรายงานการประชุมและมติที่ประชุม คกก.มา ว่าตัวแทนกฤษฎีกาในคกก.ชุดใหญ่พูดว่าอะไร ถึงเชื่อว่าทำได้ถูกกฎหมาย ไม่ใช่มาขุดอดีตหาความชอบธรรม"

ถามทำไมฝ่ายค้านต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ

นอกจากนี้ ผู้จัดการออนไลน์ รายงานถึงกรณีที่ศิริกัญญากล่าวถึงกรณีที่อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ออกมาท้าบวชชี และการโต้ตอบของหลายคนในฝั่งรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ว่าเป็นเรื่องตลกที่ทำไมฝ่ายค้านก็เป็นฝ่ายที่รับผิดชอบ ถ้าเกิดถามกลับว่าแล้วถ้าทำไม่สำเร็จ ทางรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร หรืออดิศรจะรับผิดชอบอย่างไร

“เรื่องมันง่ายมาก แต่การออกมาตอบโต้แบบนี้ทำให้เรารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วแหละ ตีตกสิ่งที่เราพูดนี่มันง่ายมาก” ศิริกัญญา กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่อดิศรจะให้ไปบวชชี จะให้อดิศรไปบวชกลับหรือไม่ ถ้าทำนโยบายแจกเงินดิจิทัลไม่ได้ ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่หรอก เพราะอดิศรน่าจะจบหลายเปรียญ

ส่วนที่อดิศรชอบแต่งกลอนถึงฝ่ายค้าน ศิริกัญญา กล่าวว่า ขอบคุณมาก ถ้าเป็นกลอน พร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า ตนชอบอ่านกลอน และย้ำว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล ไม่เช่นนั้นมันไม่น่าจะหลุดมาเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ตนก็นั่งอ่านเรื่องนโยบายแจกเงินอย่างเพลิดเพลินในทวิตเตอร์ มากันครบทั้งพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่

เมื่อถามว่าการที่ออกมาแบบนี้ ถือว่ามีเป้าหมายหรือไม่ ศิริกัญญา กล่าวว่าใจหนึ่งคงอยากเป็นองครักษ์ แต่ก็อยากให้เป็นองครักษ์ที่ถูกต้อง คือโต้ตอบในประเด็นที่มีการหยิบยกขึ้นมา ถ้าไปโต้อย่างอื่น เป็นเรื่องอื่น มันก็ไม่ช่วยทำให้เกิดความกระจ่างชัดเจนมากขึ้น

ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนีดพิจารณาตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล ว่าลุ้นมากขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย เราเจอมาเยอะ เกี่ยวกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เราไม่อยากให้รัฐบาลนี้จะต้องมาเจออะไรแบบนี้เช่นเดียวกัน ถ้าจะให้มีการยกเลิกหรือล้มเลิกอะไรไปก็คงให้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย อย่าเอากลไกข้างนอกแบบนี้มาใช้ ไม่ควรมีองค์กรอิสระองค์กรไหนก็ตาม ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องของนโยบายหาเสียง

พร้อมยอมรับว่าแอบหวั่นเรื่องการพิจารณาคดีเกี่ยวกับนโยบายหาเสียง ม.112 ว่าตนอาจจะโดนตัดสิทธิไปด้วย เนื่องจากเป็นผู้ที่ลงนามสนับสนุนนโยบายนี้ ซึ่ง สส.พรรครุ่นที่แล้วก็อาจจะไปด้วยกันทั้งพรรค

ยืนยันไม่เคยคัดค้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่รัฐบาลต้องชี้แจงที่มาของงบประมาณให้ชัดเจน

13 พ.ย. 2566 เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่าศิริกัญญา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่ายอมรับว่าที่ผ่านมาตนเองเคยเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว แต่ปัจจุบันโครงการนี้มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดไปมาก จากเดิมที่จะใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ก็กลายเป็นการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน และจากที่เคยให้ประชาชนแบบถ้วนหน้า ก็กลายเป็นการจำกัดผู้มีรายได้สูง ทั้งนี้ยอมรับว่าในอดีตตนเคยเห็นด้วยกับโครงการนี้ เมื่อครั้งที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยเคยจะร่วมรัฐบาลกัน ก็ได้มีการนำโครงการของแต่ละพรรคมาพูดคุยกัน ซึ่งพรรคเพื่อไทย ก็ได้นำเสนอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในที่ประชุม โดยมีการกางตัวเลขวงเงินงบประมาณรายจ่าย ปี 2567 ปรากฏว่า เงินไม่พอสำหรับการทำโครงการนี้ และหากจัดสรรงบประมาณไปทำนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองแล้ว จะเหลือวงเงินเพียง 4-5 แสนล้านบาทเท่านั้น กล่าวคือ พรรคเพื่อไทย ไม่สามารถนำเงินงบประมาณปี 2567 ทั้งหมดไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ทั้งหมด ดังนั้น ขอให้อย่าเบี่ยงประเด็นนี้ไปในทิศทางอื่น และตนตั้งข้อสังเกตว่า การที่รัฐบาลจะออก พ.ร.บ.เงินกู้กว่า 5 แสนล้านบาท อาจขัดมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ประกอบมาตรา 140 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และเหตุใดรัฐบาลจึงต้องการเดินหน้าทำต่อ ย้ำว่าตนไม่ได้ออกมาคัดค้านโครงการนี้ แต่ต้องการสอบถามแหล่งที่มาของงบประมาณที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น และการดำเนินโครงการดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะรายงานการประชุมและมติของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่พิจารณาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งมีตัวแทนของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้าร่วมประชุม เชื่อว่าต้องมีการท้วงติงในเรื่องนี้

ศิริกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า การออก พ.ร.บ.เงินกู้ นั้น รัฐบาลสามารถทำได้ แต่ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบด้วย เพราะถ้าการดำเนินการดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย ตนเชื่อว่าก็จะไม่มีช่องทางให้ถูกร้องเรียนและไม่ถูกตีตกในภายหลัง แต่ถ้าไม่ผ่านกระบวนการยืนยันความถูกต้อง สุดท้ายรัฐบาลก็อาจต้องกลับคำพูดภายหลัง ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมมั่นของประชาชน แต่หากสุดท้ายแล้ว พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท สามารถผ่านกระบวนการของสภาฯ ไปได้ทั้ง 3 วาระ และสามารถดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้จริง ก็ต้องยอมรับและเคารพมติของสภาฯ หลังจากนั้น ก็ต้องติดตามว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ต่อเนื่องกัน ซึ่งจะต้องติดตามว่ารัฐบาลได้วางแผนใช้คืนหนี้จากวงเงินกู้ 5 แสนล้านบาทคืนอย่างไรภายใน 4 ปี และต้องจ่ายเงินต้นปีแรก 1 แสนล้านบาท และจ่ายดอกเบี้ย คืนอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลต้องนำรายได้จากการจัดเก็บภาษีถึงร้อยละ 20 มาจ่ายหนี้จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นปัญหาที่จะต้องพิจารณาการจัดสรรงบประมาณ และคาดว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะอาจจะต้องปรับลดงบประมาณในโครงการอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่า ณ เวลานี้ ปี 66 เศรษฐกิจไทย มีอัตราเติบโต อยู่ที่ร้อยละ 2.8 และปี 67 คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 3.5 จึงไม่ใช่เวลาของการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการแจกเงินแบบนี้อย่างแน่นอน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net