Skip to main content
sharethis

นักวิชาการหวั่นสงครามอิสราเอลขยายวง อิหร่านอาจปิดช่องแคบฮอร์มูซ ส่งผลราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 150 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลได้ กระทบส่งออกท่องเที่ยว ต้องเพิ่มสำรองพลังงานในประเทศ เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนและพลังงานชีวภาพอย่างยั่งยืน 
   
22 ต.ค. 2566 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ  อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ประธานกรรมการบริษัท บีบีจีไอ BBGI-PS ประเมินว่า สงครามอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีแนวโน้มขยายวงและยืดเยื้อ หากอิหร่านเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ มีการตอบโต้คว่ำบาตรกันทางเศรษฐกิจ อิหร่านในฐานะผู้คุมเส้นทางการขนส่งน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย อาจตัดสินใจปิดช่องแคบฮอร์มุซตอบโต้ชาติตะวันตก คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจพุ่งทะลุ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ การปิดช่องแคบฮอร์มูซ ช่องแคบนี้ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 33-54 กิโลเมตร ช่องแคบฮอร์มุซเป็นทางออกทางมหาสมุทรทางเดียวของบริเวณส่วนใหญ่ของประเทศที่ส่งออกปิโตรเลียมในอ่าวเปอร์เซีย จากข้อมูลขององค์การว่าด้วยข้อมูลด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกากล่าวว่าโดยถัวเฉลี่ยในแต่ละวันจะมีเรือบรรทุกน้ำมัน 15 ลำที่บรรทุกน้ำมันราว 16.5 ถึง 17 ล้านบาร์เรลที่เดินทางออกจากช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในโลก การขนส่งน้ำมันจากช่องแคบเป็นจำนวน 40% ของการขนส่งทางเรือทั้งหมด และ 20% ของการขนส่งน้ำมันทั่วโลก หากสงครามขยายวงและมีการปิดช่องแคบจะทำให้อุปทานน้ำมันหายไปจากตลาดน้ำมันโลกประมาณ 1 ใน 5 ในทันที จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และ หากอิหร่านในฐานะผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ไม่เข้าร่วมสงครามอิสราเอลฮามาสโดยตรง เศรษฐกิจไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงทางเศรษฐกิจ ยังไม่กระทบอุปทานน้ำมันนำเข้า แต่หากสถานการณ์ขยายขอบเขตสู่ระดับภูมิภาคและมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าน้ำมันดิบของไทยค่อนข้างมาก เนื่องจากไทยนำเข้าพลังงานและน้ำมันจากตะวันออกกลางสัดส่วนมากกว่า 50-52% ของการนำเข้าสินค้ากลุ่มดังกล่าวทั้งหมดของไทย 

ประเทศไทยอาจต้องมีสำรองน้ำมันหรือพลังงานเพิ่มกว่าระดับปรกติเพราะอาจมีปัญหาการขาดแคลนพลังงานหรือการชะงักงันของการขนส่งน้ำมันได้ นอกจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดการขาดแคลนพลังงานแล้วยังต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันพุ่งสูงด้วย กลไกและเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในระยะสั้นมีขีดจำกัดมากขึ้น ทั้ง ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และ กองทุนน้ำมัน ภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะลดลงกว่าระดับที่เป็นอยู่นี้มากก็ไม่ได้แล้วเพราะจะเพิ่มความเสี่ยงฐานะทางการคลัง ส่วนกองทุนน้ำมันต้นเดือนตุลาคมก็ติดลบประมาณ 65,000 ล้านบาท คาดการณ์ได้ว่า ปลายปีนี้ ฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีโอกาสติดลบทะลุ 100,000 ล้านบาทได้ การมีนโยบายให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องอุดหนุนราคาเพิ่มมากขึ้น ด้วยระยะเวลาที่ยาวขึ้นอาจเริ่มมีขีดจำกัดมากขึ้น การเร่งเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนและพลังงานชีวภาพอย่างยั่งยืนมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องเดินหน้าลงทุนเพิ่มเติม รัฐบาลควรลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ควรเป็นหน้าที่ของรัฐเพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนของภาคเอกชนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและพลังงานชีวภาพ  
 
รศ.ดร.อนุสรณ์  วิเคราะห์ต่อว่าหากสงครามลุกลามมายังภูมิภาคตะวันออกกลาง ในลักษณะสงครามตัวแทน จะกระทบต่อภาคส่งออกและการท่องเที่ยวอย่างมีนัยยสำคัญอีกด้วย  หากสงครามอิสราเอลฮามาสขยายเป็นสงครามภูมิภาคตะวันออกกลาง ผลกระทบโดยตรงทางการค้าจะรุนแรงมากขึ้น ภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทย - ตะวันออกกลางคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.6 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดของไทย การส่งออกคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.8 ของการส่งออกรวม (ขยายตัวร้อยละ 23.5) และการนำเข้าคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.2 ของมูลค่าการนำเข้ารวม (ขยายตัวร้อยละ 53.5) ซึ่งประเทศในกลุ่มนี้เป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เป็นเป้าหมายการส่งออกของไทยเพื่อชดเชยตลาดหลักที่ชะลอตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การเปิดความสัมพันธ์ในระดับปรกติกับซาอุดิอาระเบียทำให้การขยายตัวของการค้าระหว่างไทยกับภูมิภาคตะวันออกกลางขยายตัวเพิ่มอย่างมาก 

ด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในย่านตะวันออกกลาง ประเทศไทยควรลดความเข้มการใช้พลังงาน (Energy Intensity - EI) ลงมากว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เดิม ด้วยการเพิ่มงบประมาณในโครงการหรือกิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน ประหยัดพลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนทางด้านดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) จะช่วยให้เกิดการลดการใช้พลังงานในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและกิจกรรมต่างๆ แผนยุทธศาสตร์อนุรักษ์พลังงานระยะยาว พ.ศ. 2558-2579 กระทรวงพลังงานและรัฐบาลอาจต้องนำมาทบทวนใหม่เพราะสถานการณ์ความขัดแย้งทางการทหารในพื้นที่ตะวันออกกลางทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แผนอนุรักษ์พลังงานอาจต้องบูรณาการกับอีก 4 แผนหลักของกระทรวงพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่ (1) แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (2) แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (3) แผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติของไทย และ (4) แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนใหญ่โดยเฉพาะต้องเริ่มต้นด้วยการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลจะทบทวนการอุดหนุนราคาพลังงานเพื่อให้ผู้บริโภคและผู้ผลิตทั้งหลายต้องใช้พลังงานอย่างประหยัดและอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาตรการช่วยเหลืออุดหนุนด้านการเงิน เพื่อเร่งให้มีการตัดสินใจลงทุนเปลี่ยนอุปกรณ์ เครื่องจักรการผลิตต่างๆ มาตรการอุดหนุนทางด้านการเงินนี้ต้องนำมาสู่การบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และตั้งเป้าลดความต้องการใช้พลังงานลงร้อยละ 10-30 ขอสนับสนุนการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพและปริมณฑลเหลือ 20 บาททั้งระบบโดยเร็วซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เริ่มต้นในบางเส้นทางแล้ว ควรต้องดำเนินการให้เร็วขึ้นอีก และขอให้รัฐบาลลงทุนระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในต่างจังหวัดด้วย ระบบขนส่งมวลชนที่ใช้พลังงานสะอาดและราคาถูกจะทำให้ สภาพแวดล้อมดีขึ้น บรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศลงได้บ้าง ประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง ทำให้รัฐบาลมีความจำเป็นในการเร่งพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชาเช่นเดียวกับที่ได้ดำเนินการกับมาเลเซีย สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจ ต่อธุรกิจอุตสาหกรรมพลังงานอุตสาหกรรมต่อเนื่อง จะเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของประเทศในอนาคต สามารถลดราคาพลังงานได้ในระยะยาว ลดต้นทุนภาคการผลิตและการดำเนินชีวิตของประชาชน สามารถทดแทนการนำเข้าพลังงาน ส่งผลบวกต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีพลังงาน ความก้าวหน้าของพลังงานทางเลือก พลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าจะเข้ามาแทนที่พลังงานปิโตรเลียม พลังฟอสซิลแบบดั้งเดิมเกือบทั้งหมดไม่เกินสามทศวรรษข้างนี้ เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนของข้อตกลงระดับโลกต่างๆ จะทำให้ แหล่งพลังงานดั้งเดิม ก๊าซธรรมชาติหรือน้ำมัน มีมูลค่าลดลง หากไม่สำรวจและขุดมาใช้ในเวลาที่เหมาะสมจะเกิดการสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ ความคุ้มค่าต่อการลงทุนพัฒนาจะลดลงตามลำดับ ภัยคุกคามต่อมนุษยชาติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาสจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อพลวัตของธุรกิจอุตสาหกรรมพลังงานในอนาคต จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว     

รศ.ดร.อนุสรณ์  เสนอความเห็นต่อว่า ขอเสนอให้ใช้ Green New Deal แก้วิกฤติโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ ระบบการใช้พลังงาน จากข้อมูลของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) บ่งชี้ตรงกันว่า โลกมีเวลาอีกเพียง 10 กว่าปีเท่านั้นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส ด้วยปัญหาดังกล่าว “พลังงานหมุนเวียน” และ “พลังงานสะอาด” จะมีความสำคัญมากขึ้น เรื่อย ๆ ขอเสนอให้รัฐบาลนำมาตรการและนโยบาย Green New Deal มาใช้ เริ่มต้นด้วยการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ทางด้านพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือก  การมีอากาศสะอาดสำหรับหายใจ การมีน้ำและอาหารสะอาดสำหรับดื่มกิน เป็น หลักประกันพื้นฐานที่ Thai Green New Deal ต้องทำให้เกิดขึ้น ข้อเสนอของตน เรื่อง Thai Green New Deal นี้ต้องให้หลักประกัน อากาศ น้ำ อาหารสะอาดปลอดภัยสำหรับคนไทย และเกิดความมั่นคงทางด้านพลังงานและอาหาร รวมทั้งให้มีเพียงพอสำหรับทุกคนในประเทศ    

ภาครัฐต้องกำกับราคาเชื้อเพลิงในภาคขนส่งให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ส่งผลให้ผู้บริโภคตระหนักเรื่องราคาพลังงานและเปลี่ยนลักษณะการใช้พลังงาน ทำให้ความเข้มขันในการใช้พลังงานเทียบกับจีดีพีลดลง นอกจากนี้ขอสนับสนุนนโยบายของกระทรวงการคลังในการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่จัดเก็บตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันของประเทศ โดยพัฒนาระบบขนส่งน้ำมันทางท่อจะช่วยลดการใช้น้ำมันได้ประมาณ 40 ล้านลิตรต่อปี และขอสนับสนุนนโยบายและแผนงานของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการจราจรและขนส่งโดยเฉพาะการเปลี่ยนล้อเป็นราง ที่จะลดความต้องการใช้พลังงานขนส่งได้อีกมาก ศึกษา วางแผน และดำเนินการรองรับการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า จะลดความต้องการในการใช้พลังงานลง 

รศ.ดร.อนุสรณ์  ได้ให้เห็นต่อควรมีมาตรการส่งเสริมการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงานเชิงรุก การป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้รัฐบาล หน่วยงานกำกับตลาดทุน ธนาคารแห่งประเทศไทยและระบบธนาคารพาณิชย์ควรส่งเสริมให้ภาคธุรกิจ ภาคการผลิตอุตสาหกรรม ยึดถือแนวทาง ESG การดำเนินกิจการ การให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม (Environment) ลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน, สังคม (Social), ธรรมาภิบาล (Governance) ESG จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีความยั่งยืน รวมทั้งทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ดีขึ้น เราไม่ควรกระตุ้นการบริโภคต่างๆอย่างขาดความรับผิดชอบและไม่คำนึงถึงผลข้างเคียงระยะยาว ส่วนเรื่องธรรมาภิบาลนั้น ประเทศไทยก็มีปัญหาเรื่องนี้ในทุกวงการในทุกระดับ Corruption Perception Index — CPI (ดัชนีภาพลักษณ์การคอรัปชันในภาครัฐ) ของไทยก็อยู่ในอันดับที่สะท้อนว่า ปัญหายังรุนแรงอยู่มาก ต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง  การสนับสนุนการรณรงค์สร้างจิตสำนึกใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า และเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานครอบคลุมทุกภาคส่วน และครบทุกระดับ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เป็น เรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงที่ราคาพลังงานอาจผันผวนมากที่สุดในรอบหลายปี 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net