Skip to main content
sharethis

'สนธิ' อดีตแกนนำพันธมิตรฯ เผยผ่านรายการ 'สนธิทอล์ก' ตอนที่ 208 ผิดหวัง 'วัชรเรศร' ชมงานนิทรรศการ "โฉมหน้าเหยื่อมาตรา 112" ที่สหรัฐฯ มองเป็นงานเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว มุ่งโจมตีสถาบัน เชื่อมีสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลัง เตือนอย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร ด้าน 'วัชรเรศร' โต้เขาไม่เคยเกี่ยวข้องกับรัฐบาลสหรัฐ หรือ CIA ตามที่ถูกกล่าวอ้าง

 

26 ก.ย. 2566 รายการ "Sonthitalk EP.208: ไปเพื่ออะไร (Full)" เผยแพร่ทางช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียยูทูบ "sonthitalk" โดยมีพิธีกรรายการคือ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อ "ผู้จัดการ" หรืออดีตแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งในนาทีที่ 00:10:19 - 00:20:12 สนธิ ได้หยิบยกประเด็นเมื่อ 19 ก.ย. 2566 สื่อสัญชาติสหรัฐฯ อย่าง "Voice of America" (VOA) ได้รายงานข่าวว่า วัชรเรศร วิวัชรวงศ์ โอรสองค์ที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ขณะดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เดินทางไปรับชมนิทรรศการ "โฉมหน้าเหยื่อมาตรา 112" (Face of Victims of 112) ที่ Leroy Neiman Gallery มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ จัดโดย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ลี้ภัยจากคดีมาตรา 112 และสนธิ ได้อ่านโพสต์เฟซบุ๊กความเห็นของวัชรเรศร หลังชมนิทรรศการดังกล่าว

"ผมรักและเทิดทูนสถาบัน แต่เชื่อว่า "รู้" ดีกว่า "ไม่รู้" แต่ละคนก็มีความคิดเห็นของตัวเองที่มาจากประสบการณ์ของเขา ถ้าเผื่อเราไม่รับฟังความคิดเห็นของเขาก็ไม่ได้ทำให้มุมมองและความคิดเห็นของเค้าหายไป

"เพราะฉะนั้น รู้และรับฟังไว้ก็ดี รับรู้เหตุผลและมุมมองของหลายๆฝ่าย เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็อีกเรื่องนึง คุยกันด้วยเหตุผล" สนธิ กล่าวถึงโพสต์ของวัชรเรศร ที่ให้ความเห็นหลังจากชมนิทรรศการ เมื่อ 19 ก.ย. 66 ตามเวลาในประเทศไทย

สนธิ กล่าวว่า ตนหงุดหงิดมากกับการที่วัชรเรศร ไปงานนิทรรศการดังกล่าว เพราะแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสถานะของราชวงศ์ แต่เขาต้องรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาไม่ใช่คนธรรมดา และมีสายเลือดของราชวงศ์จักรี นอกจากนี้ เมื่อ ส.ค.ที่ผ่านมา วัชรเรศร และน้องชาย ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย และได้รับการต้อนรับจากกลุ่มคน ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่เป็นคนที่รักในสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์จักรี รักพระเจ้าอยู่หัว และต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่จู่ๆ วัชรเรศรก็ไปปรากฏตัวในงานที่จัดโดย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ไปอยู่ในนิทรรศการที่พูดอยู่ข้างเดียวเรื่องมาตรา 112 ว่าคนนั้นคนนี้เป็นเหยื่อของมาตรา 112 โดยไม่มีคนให้ข้อมูลโต้แย้ง 

นอกจากนี้ สนธิ กล่าวไม่เห็นด้วยกับโพสต์เฟซบุ๊กของปวิน ที่กล่าวถึงการที่วัชรเรศร มาชมนิทรรศการ ซึ่งมีถ้อยความว่า "นี่คือการพูดคุยอย่างมีอารยะต่อประเด็นที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อน"

สนธิ กล่าวถามข้อความดังกล่าวว่า เรื่องมาตรา 112 นี้ป่าเถื่อนอย่างไร เพราะว่ามาตรา 112 ไม่ได้เป็นเรื่องของความป่าเถื่อน แต่เป็นเรื่องของที่อีกฝ่ายหนึ่งเหยียดหยามด้อยค่าความรู้สึกของประชาชน เผารูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขียนด่าหยาบคายลงไป นี่ใครป่าเถื่อนกันแน่ พวกคุณนั่นแหละที่ป่าเถื่อน และก็เอาเรื่องนี้ไปออกนิทรรศการที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยมีการเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว 

อดีตแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ที่วัชรเรศร ไปพบกับปวิน ไม่ทราบเลยหรือว่าปวิน เป็นคนอย่างไร สามารถค้นในกูเกิล ดูได้ ซึ่งในสหรัฐฯ ก็มี สนธิ ระบุด้วยว่า เขาเชื่อว่าสหรัฐฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งในการเดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อ ส.ค.ที่ผ่านมา หรือว่าการจัดงานมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และไม่แน่ใจว่า วัชรเรศร กำลังตกเป็นเครื่องมือ หรือเต็มใจเป็นเครื่องมือให้สหรัฐฯ หรือไม่ 

สนธิ ระบุต่อว่า หากวัชรเรศร ค้นหาประวัติของปวิน บนโลกออนไลน์ ก็จะพบว่าตัวของปวิน เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มเฟซบุ๊กสาธารณะ "รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลสฯ" ซึ่งเป็นกลุ่มที่เขามองว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ ปล่อยข่าวเท็จ หรือตัดต่อภาพต่างๆ เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และมองว่า ปวิน เองก็มีท่าทีเหยียดหยามอาฆาตมาดร้ายด่าทอพระมหากษัตริย์ ตลอดจนรัชกาลที่ 9 และพระพันปีหลวง และวัชรเรศร กลับไปยืนยิ้มเข้าร่วมงานดังกล่าว ทำไมถึงทำแบบนั้น  
 
"ถ้ามีการสัมมนาทั้ง 2 ฝ่าย หรือการเสนอความเห็นทั้ง 2 ฝ่าย ไปเพื่อรับรู้อีกฝ่ายหนึ่งคิดยังไง ยังมีเหตุมีผล นี่มันฝ่ายเดียวเลย และปวิน เหยียดหยามไปถึงปู่ (รัชกาลที่ 9) ถึงย่า (พระพันปีหลวง) ถึงพ่อคุณ (รัชกาลที่ 10) และคุณบอกคุณจะไปรับรู้ว่าเขาคิดยังไง คุณคิดว่าที่คุณทำ คุณเท่เหรอคุณอ้น (วัชรเรศร) ไม่ได้เท่เลย ผมอยากให้คุณใช้สติปัญญหาหน่อยได้ไหม และใครเป็นคนที่ปรึกษาแนะนำให้คุณไป ใครละ ข้ออ้างที่คุณบอกไปเพื่อรู้ ฟังไม่ขึ้นเลย …แค่ชื่อเรื่อง โฉมหน้าเหยื่อ 112 ก็รู้แล้วว่าเป็นนิทรรศการด้านเดียว มุ่งโจมตีสถาบันฯ ทำลายความมั่นคงประเทศชาติ หรือคุณวัชรเรศร คุณไปเพื่อหาเสียงหาแสง หาแนวร่วมกับคนรุ่นใหม่ที่ไม่พอใจสถาบัน จะล้มเจ้าใช่ไหม และคุณจะหาแนวร่วมกับไอ้พวกบ้านี่ทำไม ถ้าคุณพูดมาตั้งแต่ต้นว่าจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์" สนธิ ระบุ  

นอกจากนี้ สนธิ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าทำไมมีแค่สื่อ VOA ซึ่งมีเจ้าของเป็น CIA ไปรายงานข่าวแค่เจ้าเดียว และวิจารณ์ว่า วัชรเรศร กำลังตกเป็นเครื่องมือของ CIA ที่จะใช้ให้เข้ามาสร้างความวุ่นวายในอนาคต และขอเตือนวัชรเรศร อย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร

"ผมฟันธงว่า 'อเมริกา' อยู่เบื้องหลัง ปวินรับใช้อเมริกาอยู่ และที่ปรึกษารับใช้รอบกายคุณไม่ว่าจะเป็นคุณไพลิน ที่นิวยอร์ก หรือ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่เคยพูดบอกว่าท่านอ้น ควรจะสามัคคีกับทุกฝ่าย ความเป็นกลาง คุณอ้น สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความเป็นกลาง มีอยู่ 2 ทาง ฝ่ายต้องการล้มเจ้า และฝ่ายต้องการคือผมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ มีแค่นั้น ไม่มีคำว่า ‘กลาง’ คุณเลิกฟังทีได้ไหมพวกที่ให้คำปรึกษาคุณที่นิวยอร์ก หรือที่เมืองไทย ห่วยแตก ผมผิดหวังกับคุณมาก และผมพูดแทนใจคนไทยอีกเยอะเลยที่เขารู้สึกเหมือนผม แต่เขาไม่กล้าพูด ผมกล้าพูด เพราะคุณทำผิดอย่างมาก ผมจะเตือนคุณเอาไว้นะ คุณจะทำอะไรทำด้วยจิตบริสุทธิ์ คุณอย่าตกเป็นเครื่องมือของใครเป็นอันขาด นี่คุณเสร็จไปเรียบร้อยแล้วมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผมไม่กล้าว่าคุณเหลวไหล หรือโง่เขลา เพราะระดับคุณไม่โง่เขลา แต่อาจจะเหลวไหลบ้าง แต่อย่าลืมอย่าตกเป็นเครื่องมือเขาอีก” สนธิ กล่าวทิ้งท้ายต่อประเด็นนี้

'วัชรเรศร' โต้ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลสหรัฐฯ หรือเป็นเอเจนต์ของ CIA

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2566 วัชรเรศร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ "Vacharaesorn Vivacharawongse" ระบุว่า มันตลกมากที่ผมต้องพูด แต่ผมไม่เคยเป็นสายลับหรือเป็นคนของรัฐบาลอเมริกา หรือซีไอเอ ใครพูดอะไรต่างจากนี้ก็ถือว่ากำลังหมิ่นประมาทผม และพูดเรื่องเท็จอยู่ พูดออกมาจากปากตัวเองยังอดขำไม่ได้เลย 

ขณะที่ในคอมเมนต์ของวัชรเรศร ให้ความคิดเห็นด้วยว่า ถ้ารัชกาลที่ 10 บอกว่า "เรารักทุกคนเหมือนกันหมด" (We love them all the Same) จะมีคนไปเอาเรื่องกับรัชกาลที่ 10 หรือไม่ 

นอกจากนี้ ที่ช่องคอมเมนต์โพสต์ของ "วัชรเรศร" ยังมี นพดล พรหมภาสิต อดีตแกนนำของศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) ซึ่งเป็นกลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ที่เพิ่งยุติบทบาทลงไป ได้เข้ามาสอบถามจุดยืนของวัชรเรศร เรื่องมาตรา 112 หลังจากรับชมนิทรรศการดังกล่าว แต่วัชรเรศร เจ้าของโพสต์ ยังไม่ได้มาตอบถึงประเด็นนี้แต่อย่างใด

สำหรับนิทรรศการ "โฉมหน้าของเหยื่อมาตรา 112" (Face of Victims of 112) ที่ Leroy Neiman Gallery มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เผยแพร่เรื่องราวผู้ถูกกล่าวหาที่ได้รับผลกระทบจากมาตรา 112 ในประเทศไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-25 ก.ย. 2566


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net