Skip to main content
sharethis

ทางการสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรต่อบุคคลหรือองค์กรสัญชาติรัสเซียที่มีส่วนในการลักพาตัวและส่งตัวเด็กชาวยูเครนไปยังรัสเซีย รวมถึงมีส่วนในการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อเด็กในพื้นที่ของยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่


ที่มาภาพประกอบ: Jernej Furman (CC BY 2.0)

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ กล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา ว่ามีการลักพาตัวเด็กในยูเครนเกิดขึ้นด้วยการชิงตัวออกไปจากบ้านของพวกเขาโดยตรง เรื่องนี้แม้แต่ในปี 2566 ก็ยังเกิดขึ้น และประเทศที่ก่อเหตุเช่นนี้ (รัสเซีย) ยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น ในฐานะสมาชิกถาวร

โทมัส-กรีนฟิลด์ กล่าวอีกว่า "เรื่องนี้ราวกับนิยายแนวโลกเลวร้าย (dystopia) แต่นี่ไม่ใช่นิยาย ท่านทั้งหลายโปรดทราบ นี่ไม่ใช่นิยาย นี่คือชีวิตจริง"

โทมัส-กรีนฟิลด์ แถลงว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่มาจากการวางแผนสั่งการโดยรัฐบาลรัสเซียในทุกระดับ รวมถึงยังบอกว่าศาลอาญาระหว่างประเทศที่กรุงเฮกได้ออกหมายจับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน และประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายสิทธิเด็กประจำสำนักงานประธานาธิบดีรัสเซีย มาเรีย ลโววา-เบโลวา โดยที่ในหมายจับวันที่ 17 มี.ค. 2566 ระบุกล่าวหาว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งตัวเด็กชาวยูเครนและขนส่งลำเลียงเด็กชาวยูเครนจากพื้นที่ของยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่

คำแถลงนี้มาจากการประชุมครบรอบ 32 ปี ที่ยูเครนเป็นเอกราชจากสหภาพโซเวียต ในที่ประชุมนี้มีการพูดในประเด็นเรื่องการคุ้มครองเด็ก ซึ่งโทมัส-กรีนฟิลด์ กล่าวว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมนิ่งเฉย "ในขณะที่รัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ"

ทั้งนี้ยังมีการประกาศว่าทางการสหรัฐฯ ได้มีมาตรการคว่ำบาตร 2 องค์กร และ บุคคล 11 คน ซึ่งรวมถึงบุคคลที่อำนวยความสะดวกให้กับการลำเลียงเด็กที่ถูกลักพาตัวและส่งตัวเเด็กข้ามแดนยูเครนไปยังค่ายต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ทางการสหรัฐฯ ยังจะเพิ่มมาตรการจำกัดวีซ่าของเจ้าหน้าที่ 3 นาย ที่มาจากการแต่งตั้งของทางการรัสเซีย ในเรื่องที่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อเยาวชนยูเครน

หลายคนที่ถูกคว่ำบาตรในครั้งนี้เป็นคณะกรรมาธิการสิทธิเด็กในหลายภูมิภาคของรัสเซีย รวมถึง "ค่ายฤดูร้อน" ของรัสเซียและผู้อำนวยการของค่ายนี้ที่อยู่ในพื้นที่ไครเมีย ซึ่งเป็นพื้นที่ของยูเครนภายใต้การยึดครองของรัสเซียด้วย ทางการสหรัฐฯ บอกว่าค่ายดังกล่าวนี้เป็นค่าย "ปรับทัศนคติให้มี 'ความรักชาติ' อย่างครอบคลุม" และกีดกันไม่ให้เด็กกลับไปหาครอบครัว

ผู้แทนด้านสิทธิมนุษยชนจากยูเครนได้กล่าวต่อคณะมนตรียูเอ็นโดยอ้างอิงข้อมูลจาก สำนักงานสารนิเทศแห่งชาติยูเครนระบุว่า รัสเซียได้ทำการลักพาตัวเด็กชาวยูเครนไปจำนวน 19,546 ราย โดยพาตัวไปที่ 57 ภูมิภาคของรัสเซียนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 และมีอยู่ 386 ราย เท่านั้นที่กลับบ้านได้ เจ้าหน้าที่ของยูเครนบอกว่าตัวเลขที่แท้จริง อาจจะเยอะกว่านี้มาก

เอกอัครราชทูตยูเครน เซอร์กี คิสลิตเซีย กล่าวว่า หลังจากที่เด็กๆ ถูกส่งตัวไปที่รัสเซียหรือพื้นที่ๆ รัสเซียยึดครองยูเครนเป็นการชั่วคราวแล้ว เด็กๆ ชาวยูเครนก็จะเผชิญกับ "การล้างสมอง" อย่างล่วงละเมิด ที่มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนจิตสำนึกของพวกเขา ลบล้างอัตลักษณ์ความเป็นชาวยูเครน และจัดเตรียมให้พวกเขากลายเป็นทหารที่อยู่ในโอวาทของรัสเซียในอนาคต

คิสลิตเซียกล่าวขอบคุณสหรัฐฯ ที่ทำการคว่ำบาตรรัสเซียและเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ ทำตาม

ผู้แทนจากทางการรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นเรื่องโกหก โดยอ้างว่าพวกเขาไม่ได้ "ลักพาตัว" เด็ก พวกเขาแต่ "ช่วยเหลือ" เด็ก

แต่ก็มีหลักฐานจากรายงานประจำปีของสหประชาชาติเกี่ยวกับการล่วงละเมิดต่อเด็กในพื้นที่ความขัดแย้ง ออกมาเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า พวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการลักพาตัวเกิดขึ้นจริงโดยที่กองทัพรัสเซียทำการลักพาตัวเด็ก 91 ราย ซึ่งทุกคนได้รับการปล่อยตัว นอกจากนี้ยูเอ็นยังสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีกรณีการส่งตัวเด็ก 46 รายไปที่พื้นที่ของยูเครนที่รัสเซียครอบครองอยู่ ในนั้นมี "เด็กที่ถูกบังคับให้พรากจากพ่อแม่, เด็กที่ถูกพาตัวออกจากโรงเรียนและสถาบันการศึกษาโดยที่ผู้ปกครองไม่ยินยอม และเด็กที่ได้รับสัญชาติรัสเซีย"

ยูเอ็นระบุอีกว่า การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเหล่านี้เป็นเรื่องยากมากและวิจารณ์รัสเซียว่าขาดการให้ความร่วมมือและความสามารถในการเข้าถึง อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้ระบุรวมรัสเซียเอาไว้ในรายชื่อบัญชีดำของผู้ก่อเหตุล่วงละเมิดต่อเด็กอย่างร้ายแรง โดยอ้างอิงตัวเลขการโจมตีโรงเรียนจำนวนมาก และจำนวนตัวเลขของเด็กที่เสียชีวิตและถูกทำให้พิการโดยกองทัพรัสเซียและกองกำลังที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย

กูแตร์เรสยังเรียกร้องให้รัสเซียอย่าได้ทำการเปลี่ยนแปลงสถานะบุคคลของเด็กที่พวกเขาลักพาตัว เช่น สัญชาติของเด็ก

ทางการยูเครนวิจารณ์ว่าถึงแม้รัสเซียจะลงนามในส่วนหนึ่งของรายงานเกี่ยวกับมาตรการที่จะเพิ่มการคุ้มครองเด็กในพื้นที่สงคราม แต่รัสเซียก็ไม่ทำตาม นอกจากนี้ทางการยูเครนยังได้ลงนามในแผนปฏิบัติการร่วมกับยูเอ็นในการเพิ่มการคุ้มครองเด็กในยูเครนด้วย


เรียบเรียงจาก
US Sanctions Russians Involved in Abduction, Deportation of Ukrainian Children, Voice Of America, 24-08-2023

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net