ศาลอุบลฯ ยกฟ้องข้อหา ม.112 ‘แต้ม’ ผู้ป่วยจิตเภท คดีทำลายรูป ร.10 เหตุไม่พบพฤติการณ์และหลักฐานอื่นที่ทำให้เห็นว่าต้องการหมิ่นและมีความอาฆาดมาดร้าย แต่ยังให้ลงโทษจำคุก 3 เดือนปรับ 20,440 บาทข้อหาทำให้เสียทรัพย์เพราะศาลเห็นว่าก่อนหน้านี้จำเลยยังพอจะควบคุมตัวเองปฏิเสธเสียงในหัวได้ โทษจำคุกรอลงโทษ 5 ปี

15 ส.ค.2566 ที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานี มีนัดฟังคำพิพากษาคดีของ “แต้ม” ผู้ป่วยจิตเวช อายุ 33 ปี ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากเหตุทุบทำลายป้ายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ในอำเภอตระการพืชผล จ.อุบลฯ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2564

เจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องแต้มในข้อหาตามมาตรา 112 เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์ ดูหมิ่นและอาฆาตมาดร้ายต่อกษัตริย์ เนื่องจากขณะก่อเหตุไม่มีพฤติการณ์อื่นที่ทำให้เห็นว่าจำเลยมีการอาฆาดต่อกษัตริย์และเมื่อทำการค้นบ้านพักก็ไม่พบเอกสารหลักฐานอื่นใดที่ทำให้เห็นว่าจำเลยมีแนวคิด

เจ้าหน้าที่ของศูนย์ทนายฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามศาลยังให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ เพราะเห็นว่าขณะก่อเหตุแต้มไม่ถึงกับควบคุมตัวเองไม่ได้เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่าเมื่อจำเลยเกิดมีอาการเสียงในหัวสั่งให้กระทำการใดแล้วยังควบคุมตัวเองปฏิเสธเสียงนั้นได้ ศาลจึงให้ลงโทษสถานเบาตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรค2 จำคุก 3 เดือน ปรับ 6,000 แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 5 ปี พร้อมกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ตลอดเวลาที่รอการลงโทษ กับให้ชำระค่าเสียหาย 20,440 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี

ทั้งนี้แต้มเป็นผู้ป่วยจิตเวชในกลุ่มจิตเภทที่ทำการรักษาต่อเนื่องหลังได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงจากการถูกทำร้ายด้วยแท่งเหล็กระหว่างรับราชการทหารในกองทัพเรือเพราะเข้าไปช่วยผู้บังคับบัญชาขณะเกิดเหตุทะเลาะวิวาท ด้วยอาการของโรคทำให้เขามักได้ยินเสียงกระซิบสั่งให้กระทำการต่างๆ ซึ่งในการสืบพยานมีทั้งจิตแพทย์ ผู้ใหญ่บ้านและแม่ที่ให้การตรงกันถึงอาการป่วยของแต้ม