ศาลอุทธรณ์พิพากษากักขัง ‘ณัฐชนน’ 15 วันคดีละเมิดอำนาจศาลจากเหตุทำกิจกรรมเรียกร้องสิทธิประกันตัวเมื่อเม.ย. 64 ศาลอ้างเหตุมีการใช้เครื่องขยายเสียงปลุกระดมทำให้เกิดความไม่สงบ ไม่เรียบร้อย ด้อยค่าศาล แต่ยังเรียนอยู่และตอนเกิดเหตุไม่มีความรุนแรงเปลี่ยนจากจำคุก 15 วัน เป็นกักขังแทน

18 ม.ค.2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนษุยชนรายงานว่าวันนี้ที่ศาลอาญา รัชดาฯ มีนัดพิพากษาคดีละเมิดอำนาจศาลของณัฐชนน ไพโรจน์ จากเหตุร่วมทำกิจกรรมเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขังคดีการเมืองที่หน้าศาลอาญา รัชดาฯ เมื่อ 30 เม.ย.2564

ศูนย์ทนายความฯ ระบุว่าศาลมีคำพิพากษาลงโทษณัฐชนน ศาลอ้างเหตุผลว่าณัฐชนนได้ใช้เครื่องขยายเสียงในการปลุกระดมและให้การสนับสนุนมวลชน การกระทำของเขาจึงทำให้เกิดความไม่สงบเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล และยังมีการใช้คำพูดด้อยค่าศาลจึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษโดยให้จำคุก 15 วัน

ทั้งนี้ศาลเห็นว่าขณะเกิดเหตุไม่มีความรุนแรงและณัฐชนนยังเรียนอยู่จึงสมควรให้ลงโทษสถานเบาเปลี่ยนโทษเป็นกักขัง 15 วัน

คดีนี้เมื่อ 2 ธ.ค.2564 ศาลชั้นต้นเคยพิพากษาลงโทษจำคุกณัฐชนน 2 เดือนโดยให้เหตุผลว่า ณัฐชนน เข้าร่วมชุมนุมและนำป้าย “ปล่อยเพื่อนเรา” มาผูกติดกับประตูทางเข้าศาลอาญา (ประตู 8) ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 น. ณัฐชนนใช้เครื่องขยายเสียง (โทรโข่ง) พูดปลุกระดมมวลชนให้ร่วมตะโกน “ปล่อยเพื่อนเรา” และพูดผ่านโทรโข่งใจความว่า

“เพื่อนเราลำบากอยู่ในคุก เพื่อนเราบางคนไม่ได้กินอะไร ดังนั้น เราอยากให้คุณออกมาฟังเสียงของประชาชนแล้วรับไปพิจารณา ชนาธิปออกไป..” “สู้มั้ย สู้มั้ย ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยเพื่อนเรา” “ถ้ายังไม่ออกมาหรือออกมาแล้วขอให้รับฟังเสียงของประชาชน ไม่ใช่ฟ้องประชาชนเพิ่มเข้าใจมั้ย ชนาธิป” “ชนาธิป.. ออกมา ชนาธิปออกมา”

คดีนี้นอกจากณัฐชนนที่ถูกดำเนินคดีจากกิจกรรมครั้งนั้นแล้วยังมีเบนจา อะปัญ ด้วยอีกหนึ่งคนซึ่งศาลลงโทษปรับเป็นเงิน 500 บาทเนื่องจากมีอ่านเอกสารและชวนประชาชนให้โปรยกระดาษแม้จะไม่ได้สกปรกแต่เป็นการประพฤติไม่เรียบร้อยเช่นกัน แต่ทางเบนจาจ่ายแทนการถูกคุมขัง 1 วัน