Skip to main content
sharethis

ศาลสั่งพิจารณาลับ ตัวแทนทูตหลายประเทศต้องออกจากห้องพิจารณา เจ้าหน้าที่คุมเข้ม กลับเรือนจำทันทีหลังศาลอ่าน ภรรยาระบุ รู้ว่าโชคดีโทษน้อยแต่ก็ยังเยอะสำหรับครอบครัวอยู่ดี

16 ต.ค.2558 ที่ศาลทหาร มีนัดสอบคำให้การจำเลยในคดี 112 นายโอภาส (ขอสงวนนามสกุล) วัย 68 ปี จากกรณีเขียนผนังห้องน้ำห้างซีคอนสแควร์ เป็นคดีที่สอง จำเลยรับสารภาพ ศาลพิจารณาคดีลับ พิพากษาจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงเหลือ 1 ปี 6 เดือน โดยให้นับโทษต่อจากคดีแรก ซึ่งก็ได้รับโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือนเช่นเดียวกัน จากกรณีเขียนผนังห้องน้ำที่ห้างเดียวกันแต่คนละชั้น รวมสองคดีจำเลยถูกลงโทษจำคุก 3 ปี  ทั้งนี้ กำหนดปล่อยตัวจำเลยในคดีแรก คือ วันที่  2 ม.ค. 2559

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในศาลทหาร มีเจ้าหน้าที่ศาล สห. รวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มาดูแลการพิจารณาคดีมากเป็นพิเศษ โดยในวันนี้นอกจากภรรยาจำเลยแล้ว ยังมีผู้สังเกตการณ์เป็นองค์กรระหว่างประเทศ ตัวแทนจากสถานทูตหลายแห่งร่วมฟังคดี เช่น สหภาพยุโรป เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ เดนมาร์ก สวีเดน เบลเยียม แคนาดา รวมถึงองค์กรสิทธิอย่างแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล

เวลาประมาณ 9.30 น. หลังจำเลยถูกเบิกตัวจากเรือนจำมายังห้องพิจารณา อัยการทหารแถลงขอให้ศาลสั่งพิจารณาคดีนี้เป็นการลับ โดยระบุเหตุผลว่า "คำบรรยายฟ้องซึ่งเป็นข้อความของจำเลย มีข้อความพาดพิงสถาบัน หากข้อความถูกเผยแพร่สู่ประชาชน จะกระทบต่อจิตใจของประชาชนโดยรวม เพื่อประโยชน์แห่งความสงบเรียบร้อย ขอให้ศาลพิจารณาคดีลับ" ด้านทนายจำเลยแย้งว่า นัดนี้เป็นเพียงการสอบคำให้การและจำเลยก็ได้อ่านคำฟ้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องอ่านทวนข้อความตามฟ้องอีก ขอให้ศาลพิจารณาโดยเปิดเผยเพื่อให้สาธารณชนได้ทราบถึงกระบวนการ จากนั้นศาลวินิจฉัยและสั่งให้พิจารณาลับ โดยให้เหตุผลว่า "คดีนี้โจทก์ฟ้องเป็นความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ กระทบต่อความรู้สึกประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เห็นควรให้พิจารณาคดีลับ" จากนั้นทั้งหมดจึงออกจากห้องพิจารณาคดี ยกเว้นโจทก์ จำเลย และทนายจำเลย

เวลาประมาณ 10.30 น.จำเลยและทนายจำเลยเดินออกมาจากห้องพิจารณาและแจ้งข่าวกับภรรยาจำเลยว่า ศาลลงโทษจำคุก 3 ปีเนื่องจากสารภาพจึงลดเหลือ 1 ปี 6 เดือน โดยให้นับโทษต่อจากคดีแรก จำเลยและภรรยาจับมือกันแต่ไม่ได้ทันได้พูดคุยอะไร เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็นำตัวจำเลยลงไปยังห้องขังด้านล่าง แล้วนำตัวจำเลยกลับเรือนจำในทันที ทำให้ภรรยาไม่สามารถเยี่ยมและพูดคุยกับจำเลยได้ทัน ทั้งนี้ โดยปกติจำเลยที่มาจากเรือนจำจะถูกคุมตัวในห้องขังศาลทหารหลังพิจารณาคดีเสร็จสิ้นและจะกลับเรือนจำในช่วงบ่าย ทำให้ญาติสามารถเข้าเยี่ยมและพูดคุยได้

"รู้ว่าแกโชคดีได้โทษน้อยแล้วสำหรับคดีแบบนี้ แต่มันก็ยังมากสำหรับแม่อยู่ดี นึกว่าแกจะได้ออกปีใหม่นี้" ภรรยาโอภาสกล่าว

ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ทนายได้ยื่นคำร้องประกอบคำรับสารภาพของจำเลยเพื่อให้ศาลรอการลงโทษ หรือนับโทษพร้อมไปกับโทษเดิม ซึ่งหากศาลเห็นควร และลงโทษเท่ากับคดีเดิม จะทำให้จำเลยได้ออกตามกำหนดเดิมคือ 2 ม.ค. 2559 ในการพิจารณาวันนี้ อัยการได้แถลงแย้งขอให้ตัดข้อความในคำร้องออกบางส่วนเนื่องจากอัยการเห็นว่าไม่ใช่การรับสารภาพแต่เป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหา และหากยืนยันข้อความจะขอสืบพยานเพื่อสืบเจตนาจำเลย ข้อความดังกล่าวได้แก่การระบุว่า "คดีนี้เป็นคดีแรกของจำเลย" "จำเลยกระทำการไปโดยหลงผิด" ทนายจำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยว่าข้อความดังกล่าวเท่ากับเป็นการปฏิเสธและสู้คดีหรือไม่ แต่ศาลแจ้งว่าเป็นกรณีที่โจทก์และจำเลยต้องตกลงกัน ศาลไม่มีอำนาจวินิจฉัย ทนายจำเลยและจำเลยหารือกันแล้วจึงเห็นพ้องกันในการตัดข้อความดังกล่าวในคำร้องประกอบคำรับสารภาพ จากนั้นศาลวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีร้ายแรง พิจารณาแล้วปรากฏว่าไม่อยู่ในเกณฑ์รอการลงโทษ และศาลลงโทษต่ำแล้ว ไม่มีเหตุผลสมควรให้นับโทษพร้อมกันกับคดีเดิม จึงให้นับโทษต่อ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2558 ศาลทหารลงโทษนายโอภาส จำคุก 3 ปี จากคดีเขียนผนังห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ผิดมาตรา 112 แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษจำคุกลงกึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน

โอภาสถูกคุมขังมาแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2557 โดยเจ้าหน้าที่ของห้างซีคอนสแควร์เป็นผู้นำตัวส่งทหาร หลังเขายอมรับและเสียค่าปรับฐานทำห้องน้ำห้างสกปรก 2,000 บาท ต่อมา พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ (ยศในขณะนั้น) ได้นำตัวโอภาสมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่กองบังคับการปราบปรามก่อนนำตัวไปขอฝากขังที่ศาลทหาร และถูกคุมขังมาจนปัจจุบัน

ข้อความที่โอภาสเขียนถูกแจกจ่ายให้กองทัพนักข่าวที่มาในวันแถลงข่าว เนื้อหาแบ่งเป็น 7 บรรทัดสั้นๆ ทั้งหมดเป็นการวิพากษ์วิจารณ์คณะรัฐประหารที่ทำการรัฐประหาร โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอยู่ 1 ประโยคที่พาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์ โดยเป็นการระบุว่าคณะรัฐประหารมีการ “โหน” สถาบันกษัตริย์

โอภาสถูกขังในชั้นสอบสวน มีความพยายามยื่นประกันหลายครั้ง โดยอ้างเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้วและผู้ต้องหามีปัญหาสุขภาพ เป็นโรคเส้นเลือดในจอรับภาพบวมซึ่งอาจแตกและทำให้ตาบอด โดยปกติผู้ต้องหาต้องพบแพทย์ทุก 2-3 เดือน แต่ศาลทหารไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยระบุว่าเป็นคดีร้ายแรง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net