วานนี้ (24 ธ.ค.52) เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ที่สำนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ นายไพโรจน์ พลเพชร ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) พร้อมด้วยองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรประชาชน เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้รับสอบสวนกรณีที่นายสิทธิชัย แพทย์พงศ์ อุปนายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ถูกคนร้ายลอบยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เข้าเป็นคดีพิเศษ

สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. ของ วันที่ 27 พ.ย. 52 นายสิทธิชัย แพทย์พงศ์ อุปนายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ซึ่งเป็นสมาชิกองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ ถูกประกบยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้าหมู่บ้านทรัพย์ปรีชา ถนนลพบุรีราเมศวร์ ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ต่อหน้าแม่ค้าและประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก แต่การดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร อ.หาดใหญ่ ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

นายไพโรจน์ กล่าวว่า ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ
การกระทำดังกล่าวถือว่าอุกอาจมาก ดีเอสไอควรเข้าไปสอบสวนดำเนินคดีตามจับตัวคนร้าย ส่วนสาเหตุ การยิงผู้บาดเจ็บ เชื่อว่า เกิดจากการที่ผู้บาดเจ็บได้เข้าไปจัดตั้งกลุ่มรับซื้อน้ำยางพาราจนไปขัดผลประโยชน์กับกลุ่มนายทุนในพื้นที่ กระทั่งถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ต้องถูกตัดไต ลำไส้ขาด ทั้งยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ หลังได้รับหนังสือและฟังคำชี้แจงได้กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ ดีเอสไอ จะรับเรื่องไปพิจารณาและพร้อมให้การช่วยเหลือตามกฎหมายต่อไป

ส่วนนายธราดอน หมัดเลียด เครือข่ายสมาคมรักษ์ทะเลไทย กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้ตำรวจได้ภาพสเก็ตหน้าคนร้ายแล้ว 1 คน แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอื่นๆ ส่วนการเรียกร้องให้ดีเอสไอเข้ามาทำการตรวจสอบนั้นเพราะเชื่อว่าจะช่วยให้คดีคลีคลายได้เร็วขึ้นเพราะถึงวันนี้เวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือนคดียังไม่คืบ นอกจากนั้นยังหวังว่าจะทำให้เกิดการแก้ปัญหากลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ด้วย เพราะที่ผ่านมาคนในชุมชนต้องทำงานด้วยความตึงเครียด โดยก่อนหน้านี้ ประธานกลุ่มรับซื้อน้ำยาง รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกลุ่มฯ เคยถูกลอบสังหารและเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ราย ซึ่งคดีทั้งหมดยังไม่คืบหน้า และในกรณีของนายสิทธิชัย คือรายล่าสุด

นายธราดอน กล่าวต่อว่า สำหรับคนทำงานในพื้นที่แล้วรู้สึกว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่ทุกคนก็ต่างมีความชัดเจนในตัวเองและรับรู้อยู่เสมอว่าการทำงานเพื่อสร้างความเข้มแข็งในชุมชนอาจต้องได้รับผลกระทบจากเรื่องต่างๆ เหล่านี้ด้วย

ขณะที่นายประกาศ เรืองดิษฐ์ กล่าวว่า การที่องค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรประชาชน 42 องค์กร ร่วมลงชื่อในหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีดีเอสไอ เพราะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนทำงานเพื่อสังคม รัฐบาล และสังคมไทยโดยรวม ส่วนที่ต้องการให้ดีเอสไอรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษเป็นเพราะนายสิทธิชัยผู้ถูกลอบทำร้ายเป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ด้อยโอกาส และการรวมตัวเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ต่อสู่เพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งรัฐควรให้ความคุ้มครองตามปฏิญญาสากลฯ

นอกจากนี้เหตุการณ์ลอบทำร้ายดังกล่าวส่งผลสะเทือนต่อสภาพจิตใจของคนในพื้นที่ และเหตุเกิดท่ามกลางสายตาผู้คนจำนวนมาก แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งยังมีหลายคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ ดังนั้นจึงไม่อาจเชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จะสามารถดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายได้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนของการเร่งรัดการสอบสวนคดี ก่อนหน้านี้ผู้แทนกลุ่มองค์กรชาวบ้านและผู้แทนคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ได้ไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคถึง 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 4 และวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา
 

ประมวลเหตุการณ์ลอบสังหารนายสิทธิชัย แพทย์พงศ์
นายสิทธิชัย แพทย์พงศ์ นักพัฒนาที่ทำงานเพื่อสังคมมาค่อนชีวิต ช่วยเหลือพี่น้องตามหมู่บ้าน ให้เกิดการรวมกลุ่มเพื่อการระดมทุน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งในทะเลสาบสงขลาและพื้นที่ชายฝั่งทะเลของภาคใต้ รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบต่างๆ ในชุมชนมามากมาย ถูกประกบยิงบาดเจ็บสาหัสอาการเป็นตายเท่ากัน จากการบงการของผู้มีอิทธิพลที่เสียผลประโยชน์ส่วนตัว อันเนื่องจากการทำงานเพื่อส่วนรวมของนายสิทธิชัย