Skip to main content
sharethis


4 พ.ย. 49   นายมะหะหมัดอามีน ซาลิคาน เลขานุการชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยการเมินสถานการณ์หลังจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์ตากใบเมื่อครั้งเดินทางลงพื้นที่พบปะผู้นำศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า บรรยากาศในพื้นที่ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดมากขึ้น และที่สำคัญชาวไทยมุสลิมใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส รวมถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมให้อภัยกับความผิดพลาดที่คนของรัฐได้ก่อขึ้นในพื้นที่สามจังหวัด


 


เลขานุการชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนราธิวาส กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนี้คือ คน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 2 แสนคน ที่เดินทางออกไปพำนักในประเทศมาเลเซียนับตั้งแต่เกิดความรุนแรงตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมาจะเดินทางกลับมายังภูมิลำเนาอีกครั้ง โดยเฉพาะการกลับมาประกอบอาชีพทำสวนยางเช่นเดิม โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคนเหล่านี้ไปทำงานในร้านอาหาร และขายแรงงานก่อสร้าง ซึ่งมีรายได้น้อยกว่าการกรีดยาง แต่ไม่มีทางเลือกเพราะไม่มั่นใจว่าจะได้รับความปลอดภัยหรือเกรงว่าจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับคดีความมั่นคง


 


เขากล่าวด้วยว่า เช่นเดียวกับคนไทยจำนวน 131คน ที่หลบหนีออกนอกประเทศเมื่อปลายปี 2548 ที่ผ่านมา ขณะนี้ก็มีสัญญาณจากคนไทยในมาเลเซียมาแล้วเช่นกันว่า หากรัฐบาลให้ความเป็นธรรมและจริงใจแก้ไขปัญหา  ก็พร้อมที่จะกลับมาทำมาหากินในแผ่นดินเกิดอีกครั้ง


 


ด้านดร.พีระยศ ราฮิมมูลา อดีตคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี ผู้เชี่ยวชาญปัญหาชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า การที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ ชายแดนภาคใต้ พบกับผู้นำศาสนาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการกล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์ตากใบ ถือเป็นการส่งสัญญาณเริ่มต้นที่ดีที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยการกระทำดังกล่าวถือว่าได้ผลในแง่จิตวิยามวลชนอย่างมากซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่สุดที่จะคืนความสันติสุขสู่ภูมิภาคนี้


 


ดร.พีระยศ กล่าวต่อว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ ด้วยการเริ่มต้นกล่าวขอโทษในสิ่งที่คนของรัฐได้ก่อไว้ในพื้นที่ 3จังหวัด ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังประเทศกลุ่มมุสลิม โดยเฉพาะโอไอซี ซึ่งมาเลเซียเป็นประธานการจัดประชุมกลุ่มประเทศมุสลิม ต่างให้การยกย่องแนวทางการแสดงออกและปฏิบัติของ พล.อ.สุรยุทธ์ นอกจากนี้การยกฟ้องคดีตากใบ และการติดตามคดีนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฏหมายมุสลิมนั้น ยังส่งผลต่อดีต่อภาพลักษณ์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ในสายตาประเทสกลุ่มมุสลิมอย่างมาก เพราะประเด็นดังกล่าวถูกจับตามองมาโดยตลอด แต่ระยะเวลาของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าที่ควร ทั้งที่เป็นสิ่งที่ผลต่อการได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศอย่างมาก


 



อย่างไรก็ตาม ยังมีปมปัญหาที่อีกมากมายที่รัฐบาลชุดนี้ต่อเร่งสะสางจากการก่อขึ้นโดยรัฐบาลที่ผ่านมา เพื่อลดความตึงเครียด โดยเฉพาะกรณีเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ เนื่องจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2547 ไม่ได้มีเพียงที่มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานีจุดเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความสูญเสียอีกหลายจุดที่รัฐยังไม่ดำเนินการให้ความกระจ่างโดยเฉพาะการเสียชีวิตของนักฟุตบอลบ้านสุโสะ ทั้งทีม 17ชีวิต เพราะถึงขณะนี้ชาวบ้านญาติพี่น้องของผู้สูญเสียเหล่านี้ก็มีอาการไม่ต่างไปจากญาติพี่น้องประชาชนในอำเภอตากใบที่ต้องตายในเหตุการณ์ครั้งนั้นโดยไม่มีคำชี้แจงเจ้ารัฐบาลอย่างเป็นทางการ


 



ดร.พีระยศยังกล่าวอีกว่า กรณีคนสูญหายจำนวน 100-200 ศพ บางกระแสข่าวก็บอกว่าถูกฝังอยู่ในสุสานที่ปัตตานี บางกระแสก็อ้างว่าถูกเผา ซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้จะต้องคลายความสงสัยและพิสูจน์ให้ประชาชนเห็น  


 


"หากรัฐค่อยๆ คลายปมที่คาใจชาวบ้าน เชื่อว่าจะยิ่งทำให้สถานการณืดีขึ้นเป็นลำดับ และเหลือเพียงกลุ่มที่พยายามเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์เท่านั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่รัฐและผู้เกี่ยวข้องจะเข้าไปพูดคุยหรือหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติร่วมกัน" ดร.พีระยศ กล่าว


 



ด้านนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการ  ศูนย์อำยวยการบริหารจังหวัดชาสยแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมทั้งในด้านข้อมูลการข่าว และบุคลากรที่จะเข้ามาปฎิบัติหน้าที่การแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ภายใต้หน่วยงาน ศอ.บต.อีกครั้ง โดยเฉพาะบุคลากรที่เป็นกลไกสำคัญในการเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหารวมถึงกำหนดแนวทางต่างๆ เกือบทั้งหมดได้ยึดหลักการขอความร่วมมือจากผู้ที่มีประสบการณ์จากการปฎิบัติหน้าที่โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นอดีต ศอ.บต.และที่ปรึกษาทั้งหมดที่เคยเข้ารับการปฎิบัติหน้าที่ในห้วง 5-10 ปี ก่อนมีคำสั่งยุบ ศอ.บต.เพื่อเข้ามาร่วมกันวางแผนรับมือการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้เป็นรูปธรรมและสำเร็วจโดยเร็วที่สุด


 



………………………………………………..


ที่มา : http://www.komchadluek.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net