อนุ กมธ.คมนาคมทางน้ำฯ วุฒิสภา แจงผลการศึกษา เส้นทางเชื่อมโยงอ่าวไทย - อันดามัน แลนด์บริดจ์คุ้มค่ากว่าการขุดคลองไทย ที่จะส่งผลให้ดินเค็มและกระทบต่อความมั่นคง แนะรัฐกำหนดราคาการถ่ายลำสินค้าเรือ-รถ-ราง ดึงดูดนักลงทุน พร้อมเชื่อมโยงการขนส่งไปยังจีน - มาเลเซีย 

19 พ.ย. 2566 เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่า พลเรือเอก พัลลภ ตมิศานนท์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ (อนุกมธ.) ด้านการคมนาคมทางน้ำและการพาณิชยนาวี ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม วุฒิสภา กล่าวในรายการ Law talk กับ สว. ถึงความแตกต่างระหว่างโครงการคลองไทยกับโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย – อันดามัน จังหวัดชุมพร ถึงระนอง หรือโครงการแลนด์บริดจ์ (land bridge) ว่าทั้งสองโครงการมีความแตกต่างกันทั้งด้านวัตถุประสงค์ และวิธีการเชื่อมต่อ โดยโครงการคลองไทย เป็นลักษณะของการขุดคลอง ใช้เป็นทางเดินเรือจากฝั่งทะเลอ่าวไทย เชื่อมต่อไปยังฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งประเทศไทยจะได้ผลประโยชน์จากการจัดเก็บค่าผ่านทางของเรือสินค้าที่จะแล่นผ่านเพียงทางเดียวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเทียบกับงบประมาณการก่อสร้าง จึงมองว่าอาจจะไม่คุ้มค่า และการขุดคลองไทยอาจส่งผลกระทบต่อการทำเกษตรกรรมในพื้นที่ด้วย เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดภาวะดินเค็ม นอกจากนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงซึ่งตามรัฐธรรมนูญในมาตรา 1 บัญญัติว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ 

ขณะที่โครงการแลนด์บริดจ์เป็นรูปแบบโครงการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ มีวัตถุประสงค์ในการเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าของสองฝั่งทะเลโดยใช้การขนส่งทางบกและทางรางเข้ามาเชื่อมต่อผ่านการถ่ายลำสินค้าบนท่าเรือในพื้นที่จังหวัดชุมพร และระนอง มีงบประมาณก่อสร้างทั้งโครงการราว 1 ล้านล้านบาท ดังนั้นจากการศึกษาของคณะกมธ.ที่ผ่านมาได้เสนอแนะไปยังรัฐบาลโดยชี้ให้เห็นถึงความคุ้มค่าของทั้งสองโครงการ พร้อมระบุว่ารัฐบาลควรสร้างแรงดึงดูดนักลงทุน ผู้ประกอบการ เข้ามาลงทุนในพื้นที่แลนด์บริดจ์ โดยการกำหนดราคาค่าใช้จ่ายการถ่ายลำสินค้าจากเรือสู่ระบบขนส่งทางบก และทางราง ต้องไม่สูงเกินไป พร้อมเชื่อมโยงการขนส่งไปสู่ระบบรถไฟทางคู่ภายในประเทศ เพื่อส่งต่อไปยังภาคเหนือ เชื่อมไปยังประเทศจีน และภาคใต้เชื่อมไปยังประเทศมาเลเซีย และคำนึงถึงเรื่องภาษีอากร ด่านศุลกากร สิ่งเหล่านี้ต้องไม่เป็นภาระในการขนส่ง