Skip to main content
sharethis

ชัยธวัชแถลงที่ประชุมของพรรคมีมติให้ขับ "ไชยามพวาน" สส.ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล เพราะไม่ทำตามมติพรรคที่ให้ยอมรับผิดและขอโทษผู้เสียหายกรณีคุกคามทางเพศ ส่วนกรณี "วุฒิพงศ์" เปิดประเด็นผู้ช่วย สส.รับผลประโยชน์จากบริษับ่อขยะนั้นต้องแยกพิจารณาไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงเรื่องคุกคามทางเพศหายไป ยันยันไม่เกี่ยว "เบญจา" และเบญจาก็ไม่ได้เกี่ยวกับการพิจารณากรณีนี้และยังงดออกเสียงด้วย

7 พ.ย.2566 ช่อง 3 ไลฟ์การแถลงข่าวของชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลกรณีที่ประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารและ สส.ของพรรคมีมติขับ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ให้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค จากกรณีคุกคามทางเพศผู้เสียหาย 3 ราย

ชัยธวัชระบุว่าก่อนหน้านี้กรรมการบริหารของพรรคมีมติกำหนดโทษต่อกรณีดังกล่าวไปแล้วว่าให้ตัดสิทธิที่พึงมีทั้งหมดของไชยามพวาน และให้ยอมรับผิดรวมถึงขอโทษผู้เสียหาย และชดเชยให้ผู้เสียหาย รวมถึงจะต้องไม่ก่อความเสียหายต่อผู้เสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอีก โดยไชยามพวานได้รับหนังสือแจ้งแล้วและพรรคได้มีการแถลงข่าวตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา

หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า ไชยามพวานยังได้แถลงข่าวถึงเรื่องมติของพรรค และทางพรรคเห็นว่าเนื้อหาการแถลงข่าวของไชยามพวานนั้นมีการใช้ข้อมูลของผู้เสียหายบางส่วนมาแก้ต่างให้กับตัวเองโดยมีนัยว่าไม่ได้ทำการคุกคาม และข้อมูลที่นำมาแถลงนั้นยังเป็นการเปิดเผยตัวตนของผู้เสียหาย เช่นเรื่องที่ได้รับเสื้อสูทจากพ่อของผู้เสียหายเพื่อแสดงว่าตนยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เสียหาย ซึ่งทำให้ครอบครัวของผู้เสียหายทราบว่าผู้เสียหายเป็นลูกสาวของตน

ชัยธวัชกล่าวว่าตนได้ไปพบกับพ่อของผู้เสียหายเพื่อขอโทษ ซึ่งพ่อของผู้เสียหายได้บอกว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงส่วนตัวกับไชยามพวานเพียงแค่ต้องการสนับสนุนพรรคและเห็นว่าไชยาพยามมีการกล่าวทำนองว่าไม่มีเงินจึงสนับสนุนด้วยการซื้อสูทให้

หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้กล่าวถึงการประชุมในครั้งนี้ว่าที่ประชุมก็มีมติเอกฉันท์ว่าการแถลงของไชยามพวานและการกระทำจนถึงวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมาถือว่าขัดตอ่มติของพรรค ไม่ได้เป็นการแสดงความรับผิดและขอโทษอย่างจริงใจอีกทั้งยังสร้างความเสียหายซ้ำต่อผู้เสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมจึงให้ไชยามพวานพ้นจากสมาชิกพรรคตั้งแต่วันนี้ 7 พ.ย.เป็นต้นไป

ชัยธวัชระบุว่าในการประชุมครั้งนี้มีกรรมการบริหารและ สส.ของพรรคร่วมประชุมทั้งหมด 128 คน เนื่องจากบางคนติดโควิด-19 บางคนติดงานของกรรมาธิการต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือธุระส่วนตัว

ขับ ‘วุฒิพงศ์’ ไม่เกี่ยวเรื่องเจ้าหน้าที่พรรครับผลประโยชน์

หลังจากการแถลงกรณีของไชยาพวานแล้ว ชัยธวัชได้แถลงต่อกรณีที่ วุฒิพงศ์ ทองเหลา อดีต สส.ปราจีนบุรี ของพรรค ให้ข้อมูลระบุว่าการที่ถูกขับออกจากพรรคเป็นเพราะมีเจ้าหน้าที่ของพรรคเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทบ่อขยะใน จ.ปราจีนบุรี ซึ่งกระทบและสร้างความเสียหายต่อพรรค

ชัยธวัชระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่วุฒิพงศ์กล่าวหา โดยเขาแบ่งประเด็นที่ชี้แจงดังนี้

ประเด็นแรกทางผู้บริหารพรรคได้รับทราบข้อมูลที่วุฒิพงศ์ร้องเรียน ในระหว่างที่วุฒิพงศ์แก้ข้อกล่าวหากรณีคุกคามทางเพศ โดยวุฒิพงศ์พยายามนำเรื่องนี้มาโต้แย้งว่าข้อร้องเรียนกรณีคุกคามทางเพศ มีแรงจูงใจจากผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งเรื่องนี้ผู้บริหารพรรคไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ได้แจ้งกับกรรมการวินัยว่าเรื่องนี้ต้องพิจารณาแยกจากกันกับประเด็นคุกคามทางเพศ

ชัยธวัชอธิบายว่าข้อเท็จจริงนี้ไม่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศ ต่อให้ข้อกล่าวหาของวุฒิพงศ์เรื่องเจ้าหน้าที่พรรคคนดังกล่าวรับผลประโยชน์เป็นแรงจูงใจให้ร้องเรียนวุฒิพงศ์เป็นความจริงก็ไม่ได้มีผลต่อข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศแต่อย่างใดแล้วก็ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงของเรื่องการคุกคามทางเพศไป

ชัยธวัชกล่าวต่อว่า ประเด็นที่สองคือเขาและผู้บริหารของพรรคได้แจ้งกับคณะกรรมการวินัยหลายสัปดาห์แล้วว่าเมื่อสอบสวนเรื่องการคุกคามทางเพศเสร็จแล้วก็ต้องเดินการสอบสวนประเด็นเรื่องเจ้าหน้าที่พรรครับผลประโยชน์จากบริษัทบ่อขยะต่อทันที ซึ่งตอนนี้ก็กำลังดำเนินการอยู่ และกำลังรอผู้ถูกกล่าวหาที่ตอนนี้บวชอยู่หากสึกมาแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบข้อเท็จจริงต่อไป

นอกจากนั้นหัวหน้าพรรคยังได้ยืนยันว่า การที่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเป็นผู้ช่วยของเบญจา แสงจันทร์ ที่มีตำแหน่งเป็น สส.และกรรมการบริหารของพรรคนั้น ไม่ส่งผลต่อการพิจารณาเนื่องจากว่าเบญจาไม่ได้มีส่วนร่วมในการโหวตในขั้นตอนของกรรมการวินัยของพรรคเพราะเบญจาไม่ได้เป็นกรรมการวินัยด้วย และเมื่อผลพิจารณาเรื่องของวุฒิพงศ์จากรรมการวินัยส่งถึงกรรมการบริหารพรรคแล้ว เบญจาก็ยังได้งดออกเสียงในชั้นของกรรมการบริหารพรรคด้วยเพราะทราบว่าตนถูกกล่าวหาอยู่แล้วว่ามีประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้ แต่กรรมการบริหารของพรรคก็ยังมีเสียงเป็นเอกฉันท์เห็นว่าวุฒิพงศ์มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง

ชัยธวัชตอบคำถามนักข่าวเพิ่มเติมว่า เบญจาไม่ได้มีส่วนในการร้องเรียนเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ว่าการแต่งตั้งบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ารับผลประโยชน์จากบริษัทบ่อขยะเป็นผู้ช่วย สส.ของเบญจาไม่ได้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเบญจากับผู้ถูกกล่าวหาแต่เบญจาแต่งตั้งเพราะพรรคนำเสนอรายชื่อให้แต่งตั้ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นคณะทำงานในจังหวัดปราจีนบุรีที่ทำงานกับพรรคอย่างแข็งขันตั้งแต่ต้นพรรคจึงได้นำเสนอคนในพื้นที่ให้เป็นผู้ช่วย สส.อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการสอบสวน เบญจาได้นำรายชื่อของบุคคลที่ถูกกล่าวหาออกจากการเป็นผู้ช่วย สส. แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียง หรือมีอคติ หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ในการพิจารณาสอบสวนว่ามีการรับผลประโยชน์จริงหรือไม่

ชัยธวัชตอบด้วยว่า ถ้ามีข้อเท็จจริงโยงกับเบญจา ถึงเป็นกรรมการบริหารของพรรคก็ต้องถูกสอบ แต่ข้อกล่าวหาที่วุฒิพงศ์นำมากล่าวหานั้นไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเบญจาเลย เป็นการกล่าวหาว่าบุคคลที่เป็นทีมงานของพรรคในปราจีนบุรีท่านหนึ่งมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ารับผลประโยชน์จากบริษัทบ่อขยะซึ่งข้อเท็จจริงที่วุฒิพงศ์ส่งให้พรรคไม่มีอะไรเกี่ยวของกับเบญจาเลย แต่เป็นการไปกล่าวหาว่าบุคคลท่านนี้เป็นผู้ช่วย สส.ของเบญจาก็เลยเป็นเหตุหรือเป็นแรงจูงใจในการขับเขาออกจากพรรค

“ผมยืนยันว่าไม่เกี่ยวแต่อย่างใดและเรื่องนี้ต้องพิจารณาแยกกันว่าเรื่องคุกคามทางเพศก็เป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องที่มีการกล่าวหาว่าคนที่มีส่วนให้เกิดการร้องเรียนมีพฤติกรรมรับผลประโยชน์จากบ่อขยะก็ต้องพิจารณาแยก มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าบุคคลท่านที่ถูกกล่าวหาว่ารับผลประโยชน์ต่อให้สมมติว่าจริง มันก็ไม่ได้ทำให้พฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศหายไป”

ชัยธวัชตอบคำถามนักข่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ว่า ตนก็ยินดีถ้า กมธ.อุตสาหกรรมฯ จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เพราะเครือข่ายผลประโยชน์ที่หากินกับบ่อขยะหรือขยะอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองบ้านใหญ่เต็มไปหมด ซึ่งทางพรรคเองก็จะได้จัดการ แต่ กมธ.จะต้องสอบสวนเพิ่มเติมไปด้วยว่านักการเมืองหรือตระกูลการเมืองในภาคตะวันออกนี้มีใครบ้างเกี่ยวข้องกับบริษัทเหล่านี้ เพราะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษมายาวนาน และเป็นเหตุผลให้ชาวบ้านในปราจีนบุรีเลือก สส.ของพรรคก้าวไกล

“ผมต้องยอมรับและเคยพูดว่า คุณแจ้เป็น สส.คนหนึ่งที่ทำงานเรื่องมลพิษอย่างแข็งขัน แต่เราต้องแยกออกจากกันว่าแม้คุณแจ้จะต่อสู้อย่างเต็มที่เรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับชาวบ้านมันไม่ได้ลบล้างว่าอีกเรื่องหนึ่งแม้กระทำผิดแล้วจะไม่ต้องรับโทษ”

ชัยธวัชตอบคำถามเพิ่มเติมว่าถึงทั้งกรณีของไชยามพวานและวุฒิพงศ์เพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้ที่ประชุมเห็นว่าทั้งสองกรณีผิดจริง แต่มีข้อเท็จจริงต่างกันในเรื่องพยานหลักฐานที่กรณีของวุฒิพงศ์มีเป็นข้อความชัดเจนว่ามีการใช้สถานะความเป็นว่าที่ สส.และในเวลาต่อมาเมื่อเป็น สส.แล้วซึ่งเป็นสถานะที่ให้คุณให้โทษได้มีและเหนือกว่าผู้เสียหายชัดเจนในการกระทำความผิด ซึ่งทำให้มี สส.ที่โหวตให้ขับไชยามพวานน้อยกว่ากรณีของวุฒิพงศ์

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net