Skip to main content
sharethis

เครื่องบิน ทอ. เที่ยว 3 รับแรงงาน 139 คน ถึงไทยแล้ว เผยสถานการณ์รุนแรง อยู่ต่อไม่ไหวตัดสินใจกลับไทย รอสถานการณ์สงบพร้อมกลับอิสราเอล - ศธ.รับเด็กนักเรียนฝึกงานอิสราเอลลอตแรกกลับไทย ด้านผู้ช่วย รมว.ศธ. เผย แม้สถานการณ์ยังปลอดภัย แต่ผู้ปกครองไม่สบายใจจึงรับตัวเด็กกลับ 7 คน จาก 78 คน ยึดหลักสมัครใจ ที่เหลือหากประสงค์กลับไทยพร้อมรับกลับทั้งหมด


ที่มาภาพ: สำนักข่าวไทย

22 ต.ค. 2566 เมื่อเวลา 12.20 น. เครื่องบิน A340-500 ของกองทัพอากาศ เที่ยวบินที่ 3 RTAF229 ที่เดินทางไปอพยพคนไทยในอิสราเอล เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 โดยมีแรงงานไทยจากอิสราเอล จำนวน 139 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 136 คน และผู้หญิง 3 คน โดยทันทีที่ลงจากเครื่องบิน แรงงานบางคนได้ก้มกราบผืนแผ่นดินไทย หนึ่งในนั้น คือ นายนิทัศน์ พันธศรี ชาวจังหวัดหนองคาย ซึ่งไปทำงานทางตอนเหนือติดกับพื้นที่เลบานอน เปิดใจว่า ที่ก้มกราบแผ่นดินไทย เพราะปราบปลื้ม หลังจากบ้านไป 3 ปี อยู่ที่นั่นต้องไปวิ่งหลบกระสุน และวันนี้รอดตายกลับมาได้ ซึ่งตนต้องไปวิ่งหลบอยู่ในห้องน้ำบ้าง หลบอยู่ในห้องพักและออกนอกห้องไม่ได้ หากออกไปก็อาจจะโดนกระสุน โดยสถานการณ์หนักที่สุดในช่วงวันที่ 16-18 ต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจาก กองโจรมีการสาดไฟเข้ามาภายในห้องที่ตนพักอาศัยอยู่ เพื่อที่จะกราดยิง ส่วนตัวไม่รู้จะทำอย่างไรโทรหานายจ้างช่วงตี 2 ก็ไม่ติด เพราะช่วงตีสองแล้วตี 3 จะเป็นช่วงที่หนักสุดเพราะมีการทิ้งบอมลงมา ในจุดที่ตนพักอาศัยอยู่ มีแคมป์คนงานด้วยกัน 6 – 7 แคมป์ จำนวนคนไม่มาก แต่ตนเองรู้สึกไม่ไหว และได้ขอกับนายจ้างว่าจะขอกลับไปพัก จากนั้นนายจ้างจึงได้ประสานกับทางการไทยเพื่อประสานให้ออกจากพื้นที่เสี่ยงและเดินทางกลับประเทศไทย ทั้งนี้ส่วนตัวจะเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลหลังจากสงครามสงบเพราะได้พูดคุยกับนายจ้างเอาไว้ เนื่องจากต้นเพิ่งเดินทางไปทำงานได้เพียง 2 ปี 8 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้ตอนนี้ยังมีเพื่อนแรงงานไทยที่ยังอยู่ที่อิสราเอลและสอบถามตนว่าทำอย่างไรถึงจะได้กลับไทย ตนจึงให้คำแนะนำ

ด้านนายจรัส ส่วนศรี ชาวจังหวัดสิงห์บุรี หนึ่งในแรงงานไทยในอิสราเอล เปิดใจว่า ทันทีที่เดินทางถึงประเทศไทยได้ก้มลงกราบผืนแผ่นดิน ตนเองดีใจที่ได้เดินทางกลับมาด้วยความปลอดภัย และที่ก้มลงกราบนั้น เพราะแม่บอกมา ให้กราบแผ่นดินไทยทันทีที่ถึง จึงต้องการให้แม่สบายใจ ทั้งนี้ ตนเองไปทำงานที่อิสราเอลเป็นระยะเวลา 2 ปี 8 เดือน และหลังจากนี้จะไม่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว

ส่วนนายชูชีพ หนึ่งในแรงงานไทย เล่าว่า ตนเองทำงานอยู่ภาคเหนือของกาซา ซึ่งความไม่สงบระดับภาคพื้นดินการยังมาไม่ถึง แต่ช่วงเช้าวันที่ 8 ต.ค. นายจ้างพาออกมาก่อนไปทางภาคเหนือเนื่องจากเป็นห่วง และไม่นานเมื่ออพยพมาแล้วก็ยังมีการยิงสู้รบตนจึงตัดสินใจเดินทางกลับไทย ซึ่งตนเอง อยากเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีก แม้จะเคลียร์ปัญหาหนี้สินหมดแล้วแต่อยากกลับไปทำงานเพื่อเก็บเงิน พร้อมฝากถึงคนไทยที่ยังอยู่ให้กลับ และขอบคุณเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ที่ดูแลเป็นอย่างดี รวมถึงกองทัพอากาศที่เดินทางไปรับที่สนามบินด้วย

ขณะที่นายธีรวัฒน์ คำกองแพง ชาวนครพนม บอกกับทีมข่าวสำนักข่าวไทย ว่า สถานการณ์สู้รบในพื้นที่ถือว่ารุนแรง ซึ่งตอนแรกตัดสินใจยังไม่อยากเดินทางกลับเนื่องจากได้ค่าจ้างดี แต่พอสถานการณ์เริ่มหนักขึ้น จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาในรอบนี้ โดยจะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกครั้งหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย เนื่องจากต้องการอยากเก็บเงิน ภายหลังยืมเงินญาติพี่น้องเพื่อไปทำงานที่อิสราเอล พร้อมฝากบอกแรงงานไทยที่ยังไม่ตัดสินใจเดินทางกลับขอให้ดูแลตัวเองให้ดี

ด้านนาวาอากาศเอกเจริญ วัฒนศรีมงคล ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ นักบินกองทัพอากาศภารกิจนำคนไทยกลับจากอิสราเอล รอบที่3 เปิดเผยว่า ตามแผน ที่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่าในรอบที่3 จะมีผู้เดินทางกลับ 140 คน แต่มี 1 คนไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนการบินเที่ยวที่ 3 ของกองทัพอากาศใช้เวลาสั้นลง ขาไปใช้เวลา 9 ชั่วโมง ขากลับใช้เวลา 8.30 ชั่วโมง ทำให้ประหยัดเวลา และหยัดเชื้อเพลิง ลดความเหนื่อยล้าของแรงงานไทย

ขณะที่การบินของกองทัพอากาศในรอบที่ 4 จะไปรับที่สนามบินฟูไจราห์ นครดูไบ ซึ่งจะทำให้เพิ่มเครื่องบินอื่นได้มากขึ้น เช่น C-130 รวมถึงสายการบินพาณิชย์จะทำให้สามารถนำคนไทยกลับประเทศได้จำนวนมากขึ้น ทั้งนี้ C-130 ยังไม่นำมาปฏิบัติการแต่ได้เตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา

ศธ.รับเด็กนักเรียนฝึกงานอิสราเอลลอตแรกกลับไทย

นายเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะฯ ให้การต้อนรับนักเรียนอาชีวะที่ศึกษาฝึกงาน ในประเทศอิสราเอลที่ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทย

โดยนายสิริพงศ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ติดตาม ดูแลความเป็นมาเป็นไป รวมถึงความปลอดภัยของนักเรียนวิทยาลัยเกษตร และเทคโนโลยีที่เดินทางไปศึกษาฝึกงานที่ประเทศอิสราเอล เนื่องจากหลังมีข่าวความไม่สงบในอิสราเอล ขณะที่ผู้ปกครองมีความเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย ทางกระทรวงจึงเปิดโอกาสให้เด็ก และผู้ปกครองทำความเข้าใจกันเพราะการเดินทางกลับเป็นไปด้วยความสมัครใจ จนในที่สุดมีนักเรียนทั้งหมด 78 คน โดยแสดงความจำนงเดินทางกลับทั้งหมด 7 คน ส่วนที่เหลือ 71 คน ยืนยันจะอยู่ศึกษาฝึกงานต่อ โดยที่ผู้ปกครองอนุญาต

ทั้งนี้นายสิริพงศ์ เปิดเผยว่า สำหรับนักเรียนที่อยู่ศึกษาฝึกงานต่อทางกระทรวงก็จะติดตามความเป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง และหากใครประสงค์จะเดินทางกลับก็สามารถติดต่อกลับมาได้ ซึ่งคนที่เดินทางกลับมาแล้วทางโครงการจะหาที่ศึกษาฝึกงานในประเทศให้จนครบกำหนด แต่หากใครประสงค์เดินทางกลับไปที่ประเทศอิสราเอลอีกครั้งต้องรอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

สำหรับโครงการศึกษาฝึกงานต่อที่ประเทศอิสราเอลในปีหน้าหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นก็คงต้องมีการทบทวนมาตรการในการส่งนักเรียนไปศึกษาดูงานต่ออีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการการทรวงศึกษาธิการ ได้มีการฝากความห่วงใยถึงนักเรียนที่ศึกษาฝึกงานที่อิสราเอล และขออภัยที่ไม่สามารถเดินทางมารับได้เนื่องจากติดภารกิจที่ต่างจังหวัด ซึ่งวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีการให้ตนมอบพระเครื่องเพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจให้กับนักเรียนอีกด้วย นอกจากนี้ทางอาชีวะได้มีการจัดเตรียมสถานที่พักให้กับนักเรียนที่ยังไม่ประสงค์เดินทางกลับ 

ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2]
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net