Skip to main content
sharethis

กสม.ส่งจดหมายคำวินิจฉัยกรณีตำรวจและเจ้าหน้าที่ พม.ไม่ได้ทำตามกฎหมายและเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก กรณีคุมตัวนักกิจกรรมเยาวชน 3 คนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไปจากร้านแมคโดนัลด์สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อสงกรานต์ปี 65 โดยอ้างป้องกันทำผิดกฎหมาย

16 ส.ค.2566 อันนา อันนานนท์ ได้แจ้งว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ส่งรายงานผลการตรวจสอบกรณีที่เธอและเยาวชนอีก 2 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงควบคุมตัวไปจากร้านแมคโดนัลด์สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อ 15 เม.ย.2565 โดยใช้วิธีการไม่เหมาะสม

วิดีโอเหตุการณ์ที่เด็กอายุ 13 ปีในขณะนั้นถ่ายเอาไว้

รายงานของ กสม.ระบุผลวินิจฉัยต่อกรณีดังกล่าวโดยสรุปได้ว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่นั้นไม่เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดกรอบอำนาจหน้าที่ไว้จึงเป็นการละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของเด็กและเยาวชนทั้ง 3 คน เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยให้เหตุผลว่าพิจารณาจากข้อเท็จจริงทั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ พม. และเจ้าหน้าที่ ศธ.ที่อยู่ในวันเกิดเหตุและคลิปเหตุการณ์ความยาว 9 นาทีของ 1 ในผู้ถูกคุมตัว พบว่าได้ร่วมกันนำตัวเด็กและเยาวชนทั้ง 3 คน ออกจากร้านอาหารเพื่อนำไปยัง พม.โดยที่เด็กและเยาวชนไม่สมัครใจเดินทางไปด้วยแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการจับกุมเพื่อดำเนินคดีก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ส่งผลให้เกิดการริดรอนเสรีภาพของทั้ง 3 คน การดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายให้อำนาจรับรองไว้และต้องสอดคล้องกับกฎหมายด้วย

รายงานระบุอีกว่า แต่เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว ทั้ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546, กฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ศ.2549 หรือระเบียบคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติว่าด้วยวิธีการคุ้มครองสวัสดภาพเด็ฏที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ศ.2553 แล้ว กสม.เห็นว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐไม่เป็นไปตามกฎหมายเหล่านี้ อีกทั้งการกระทำยังเกินความจำเป็นโดยเฉพาะในเรื่องการพิจารณาว่าเด็กและเยาวชนทั้ง 3 คน เข้าข่ายเป็นเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิดหรือจำเป็นต้องคุ้มครองสวัสดิภาพแก่เด็กหรือไม่ เนื่องจากพฤติการณ์ของทั้ง 3 คนในขณะเกิดเหตุยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้งว่าเป็นผู้ที่ประพฤติตนไม่สมควร หรือเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพ หรือคบหาสมาคมกับบุคคลที่น่าจะชักนำให้กระทำความผิดกฎหมายหรือต่อศีลธรรมอันดี หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสถานที่ที่อาจชักนำไปในทางเสียหายตามที่กำหนดในกฎหกระทรวง มีเพียงแต่การคาดการณ์ล่วงหน้าของเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้นว่าทั้ง 3 คนมีเป้าหมายจะก่อก่วยหรือจะประพฤติตนไม่เหมาะสมในระหว่างที่มีกรเสด็จผ่าน

นอกจากนั้น กสม.ยังเห็นว่าในขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังสามารถดำเนินการสอบถามและหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก่อนเพื่อให้ทราบว่าเด็กเสียงต่อการกระทำความผิดหรือไม่โดยทันทีโดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการบีบบังคับเพื่อนำตัวทั้ง 3 คนออกจากร้านอาหาร แม้เจ้าหน้าที่จะมีการอ้างว่าไม่สามารถพูดคุยได้อย่างเป็นส่วนตัวแต่ร้านมีการจัดโต๊ะให้นั่งแยกจากกันเป็นสัดส่วนถือเป็นการสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้บริการแล้วหากเจ้าหน้าที่รัฐต้องการพูดคุยอย่างสงบกับทั้ง 3 คนก็สามารถทำได้ และไม่ทำให้เด็กตกเป็นจุดสนใจของคนในร้านที่อาจมองพวกเขาในภาพลบว่าเป็นผู้รบกวนความสงบสุขของสังคมตามที่เจ้าหน้าที่ พม.อ้างด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐต่อทั้ง 3 คน ในวันดังกล่าวทั้งการใช้เจ้าหน้าที่หลายคนรุมล้อมเพื่อกดดันให้ออกจากร้าน การข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีต่อเด็ก การบังคับอุ้มตัวขึ้นรุตู้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปซักถามข้อมูลที่ พม. และสโมสรตำรวจซึ่งอาจเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสมหรือมีบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อเด็ก ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สร้างผลกระทบในด้านลบให้เกิดขึ้นต่อสภาพจิตใจของทั้ง 3 คน สะท้อนว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้คำนึงต่อสภาวะความเปราะบางของเด็กที่จำเปนต้องได้รับการใส่ใจดูแลและปฏิบัติต่างจากผู้ใหญ่ และไมได้ตระหนักถึงหลักการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่กำหนดกรอบในการปฏิบัติงานว่าจะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นลำดับแรก

กสม.เสนอให้หน่วยงานทบทวนปฏิบัติการและออกคู่มือ

นอกจากความเห็นต่อปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่แล้ว กสม.ยังได้มีข้อเสนอแนะในการแก้ไขแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ โดยให้ สตช.ร่วมกับ พม. และ ศธ. กำกับดูแลและตรวจสอบการกระทำในกรณีนี้เพื่อเป็นบทเรียนในการพัฒนาเป็นคู่มือกำกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในสังกัด โดยเฉพาะผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพจิตใจของเด็กและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ

กสม.ยังเสนอต่อ พม.เป็นการเฉพาะด้วยว่าให้กำหนดแนวปฏิบัติหรือคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในกรณีที่ต้องปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 เพื่อให้เกิดความชัดเจนและความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันในการปฏิบัติงานร่วมทั้งซักซ้อมแผนงานและเตรรียมความพร้อมในการปฏิบัติง่านเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อเด็ก

กสม.ยังระบุให้หน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดำเนินการตามข้อเสนอแนะภายใน 60 วันนับตั้งแต่ได้รับรายงาน

กสม.ไม่เคยเชิญเยาวชนทั้ง 3 คนให้การ

อันนา อันนานนท์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าที่ผ่านมาทาง กสม.ไม่เคยเรียกไปให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเลย แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอก็ได้รับความเสียหายส่วนของค่ายาและผลกระทบทางจิตใจ และในเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อนของเธอที่ถูกจับกุมก็ถูกระชากแขนจนเสื้อขาดด้วย แต่เมื่อมีการสอบถามเรื่องเยียวยากับทาง กสม. ทาง กสม.ระบุว่า “ข้อเสนอของคณะกรรมการที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและหามาตรการแก้ไขปัญหา เป็นรูปแบบหนึ่งของการเยียวยาความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน”

อันนา อันนานนท์ ขณะถูกคุมตัวไปจากร้านแมคโดนัลด์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net