ปธ.รัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน ฝากข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลใหม่ของไทย ปฏิรูปนโยบายการจัดการผู้ลี้ภัย ให้ผู้แสวงหาที่ลี้ภัยสามารถผ่านข้ามแดนอย่างปลอดภัย-เข้าถึงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ผู้ลี้ภัยเดิมควรเข้าถึงการศึกษา-โอกาสทางเศรษฐกิจ
29 มิ.ย. 2566 เว็บไซต์ สภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (APHR) ออกแถลงการณ์วันนี้ (29 มิ.ย.) ให้รัฐบาลใหม่ต้องรับฟังเสียงเรียกร้องของภาคประชาสังคม เพื่อให้มีการปฏิรูปนโยบายการจัดการผู้ลี้ภัย ด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจมากขึ้น และสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนของนานาชาติ
"เราขอสนับสนุนข้อเรียกร้องของเครือข่ายสนับสนุนสันติภาพกะเหรี่ยง (KPSN) และกลุ่มภาคประชาสังคมอื่นๆ เกี่ยวกับการจัดการผู้ลี้ภัย และผู้แสวงหาที่ลี้ภัย"
"รัฐบาลใหม่ต้องตอบสนองต่อความต้องการ การรักษาสิทธิมนุษยชน และการรับประกันความปลอดภัยของผู้ลี้ภัย" เมอร์ซี บาเรนด์ส ประธาน APHR และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อินโดนีเซีย กล่าว
อ้างอิงข้อมูลจากข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) มีจำนวนผู้ลี้ภัยชาวเมียนมา ประมาณ 9 หมื่นคน ที่อาศัยอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยสงครามจากประเทสเมียนมา จำนวน 9 แห่ง ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ผู้ลี้ภัยบางรายติดอยู่ภายในค่ายแห่งนี้นานนับปี และถูกกฎหมายไทยกีดกันไม่ให้สามารถหางานทำในประเทศได้ ข้อมูลจากเครือข่ายสนับสนุนสันติภาพกะเหรี่ยง (KPSN) ระบุด้วยว่าผู้ลี้ภัยจะได้อาหารมูลค่าราว 300 บาทต่อเดือนเท่านั้น
ขณะเดียวกัน กลุ่มรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง ต่อบทบาทและท่าทีของรัฐไทยที่ผลักดันผู้ลี้ภัยชาวเมียนมากลับไปเผชิญอันตรายที่ประเทศบ้านเกิด ซึ่งพวกเขามีความเสี่ยงที่จะถูกการโจมตีทางอากาศแบบไม่แบ่งแยกเป้าหมาย การจับกุมคุมขัง การซ้อมทรมาน หรืออาจจะแย่กว่านั้นโดยกองทัพเมียนมา
กรณีที่เป็นข่าวดังที่สุดเมื่อ เม.ย.ที่ผ่านมา คือกรณีที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของรัฐไทยส่งตัวสมาชิกต่อต้านกองทัพเมียนมา 3 คน ที่เข้ามาในไทยเพื่อแสวงหาการรักษา ให้กับกลุ่มกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ซึ่งเป็นพันธมิตรของกองทัพเมียนมา พยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุด้วยว่า กองกำลัง BGF ได้ยิงสมาชิกต่อต้านกองทัพเมียนมาทั้ง 3 คน หลังจากทางการไทยส่งตัวกลับไป ขณะที่รายงานสื่อมวลชนระบุว่ามีสมาชิกฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอย่างน้อย 1 คนถูกยิงเสียชีวิต ขณะที่อีกสองคนยังไม่ทราบชะตากรรม
เมอร์ซี บาเรนด์ส เรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ต้องอนุญาตให้ผู้แสวงหาที่ลี้ภัยสามารถผ่านข้ามแดนเข้ามาในไทยได้อย่างปลอดภัย และต้องรับประกันว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ขณะที่ผู้ลี้ภัยเดิมที่อาศัยในค่ายพักพิงฯ ในประเทศไทย ต้องเข้าถึงโอกาสด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ
ประธาน APHR ระบุเพิ่มด้วยว่า การเพิ่มความเจ็บปวดให้กับผู้ที่ถูกเผด็จการพม่าขับไล่ออกจากบ้านเกิด เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง รัฐบาลที่อ้างในการเป็นตัวแทนสร้างความเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มแก้ไขสถานการณ์นี้โดยทันที
รายงานจากสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า หรือ AAPP ระบุว่า นับตั้งแต่การทำรัฐประหารเมื่อ 1 ก.พ. 2564 จนถึง 28 มิ.ย. 2566 หรือมากกว่า 2 ปี มีผู้เสียชีวิตจากเงื้อมมือของกองทัพพม่า จำนวน 3,720 ราย มีผู้จับกุม 23,635 คน และยังถูกควบคุมตัวอยู่ 19,279 คน
DAILY UPDATE 28/06/23 DAY 878
— AAPP (Burma) (@aapp_burma) June 28, 2023
3,720 killed (+11)
23,635 total arrested (+6)
19,279 still detained (+6)
brief https://t.co/Ozqyuxyn5A
arrested https://t.co/p0jxeNOAHS
still detained https://t.co/z2M1vad8Zx
killed https://t.co/Qp1eDlO4Se
released https://t.co/sEbb7u2aLs pic.twitter.com/LIuGmYytAF
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)