Skip to main content
sharethis

ศาลฯ ไม่ให้ประกันตัว เหตุโทษสูง แถมพฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง หากปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาทั้งสามอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช สั่งการยายผลจับกุมเพิ่ม 6 พระลูกวัด-คนรถ เหตุเป็นผู้สนับสนุน โดยทั้ง 6 ราย ให้การภาคเสธ 

9 พ.ค.2566 จากกรณี คม คงแก้ว หรืออดีตพระอาจารย์คม อภิวโร ประธานสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาและวุฒิมา เถาว์หมอ หรืออดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ (หมอ) เจ้าอาวาสดังกล่าว พระชื่อดังฝ่ายธรรมยุตและน้องสาวพระคม ถูกกล่าวหายักยอกเงินจากวัดป่าธรรมคีรีกว่า 180 ล้านบาท อีกทั้งกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แถลงค้นบ้านน้องสาวพระคมยังพบเงิน 51 ล้านบาท และเงินในบัญชีธนาคารอีกกว่า 130 ล้านบาท และเชื่อว่าจำนวนเงินจะมากกว่านี้ ขณะที่รองผอ.รักษาราชการแทน ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ออกมาเปิดเผยด้วยว่ารับเรื่องร้องเรียนพระเสพเมถุน และยักยอกเงินด้วยนั้น

อย่างไรก็ตาม อดีตพระอาจารย์คม เคยพูดประเด็นตามชื่อตอน "มิจฉาชีพมาหลอกให้ทำบุญ" ไว้ในรายการชีวิตไม่สิ้นหวังทางไทยทีวีสีช่อง3 เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2565 ซึ่งเป็นการสนทนาธรรมกับ ดวงตา ตุงคะมณี นักแสดงสอบถามว่า กรณีมีมิจฉาชีพที่เอาเรื่องบุญ เรื่องบาป มาทำมาหากินในโลกออนไลน์ ตั้งแค่ใช้รูปคนที่ลำบากหรือบางครั้งเป็นรูปสุนัขที่เป็นแผล มาให้คนบริจาค ให้ทำบุญให้พวกนี้บาปหนักหรือไม่

ด้านอดีตพระอาจารย์คม ตอบกลับในรายการขณะนั้นว่า ก็คือความหลอกลวงคือความคดโกง อานิสงส์ของคนพวกนี้เขารับเงินไปแล้ว ก็จะกลายเป็นเงินร้อนแล้วทำให้ครอบครัววิบัติ แล้วที่เจ็บไข้ได้ป่วยจะหนักกว่าเดิมเพราะอำนาจของบุญถ้าทำในสิ่งที่เป็นบุญสู่ผู้ที่เป็นเนื้อนาบุญยิ่งทวีคูณ ในทางกลับกันอำนาจของบุญ ถ้าหากไปสู่ในที่ ที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องกลายเป็นไฟร้อนที่ผลาญเผาทำร้ายทุกอย่าง

ดวงตา ยังตั้งอีกคำถามต่ออีกว่า หากสมมุติเราทราบว่าเขาเป็นมิจฉาชีพแล้วเราทำบุญ อย่างนี้เราจะได้บุญหรือไม่ ด้าน อดีตพระอาจารย์คม ตอบกลับว่า "นี่สำคัญมาก ยิ่งเราตั้งจิตเป็นกุศลเพียงไร ยิ่งเป็นอาวุธร้ายเป็นไฟร้อนสำหรับผู้ที่นำไปใช้ไม่ถูกทางเพียงนั้น เจริญพร แต่บุญนั้นเราได้เราเต็มๆ อยู่แล้ว บุญไม่ได้หายไปไหนเลยเกิดจากมโนที่เป็นกุศลแล้ว บุญสำเร็จประโยชน์แล้ว"

ศาลฯ ไม่ให้ประกันตัวอดีตพระอาจารย์คมกับพวก

ขณะที่ความคืบหน้าในการดำเนินคดีอดีตพระอาจารย์คมกับพวกนั้น ช่อง 7 รายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการกองปราบปราม นำตัว คม หรืออดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี, วุฒิมา หรืออดีตพระหมอ อายุ 38 ปี และจุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสามจะหลบหนี เพราะคดีมีอัตราโทษสูง และเกรงว่าจะขนย้ายทรัพย์สินไปซุกซ่อนไว้ที่อื่น และการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จึงขอศาลคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว ระบุเหตุผลว่ามิได้กระทำความผิด

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาทั้งสามถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยที่ผู้ต้องหาที่ 1, 2 อาศัยโอกาสกระทำความผิดในขณะครองสมณเพศ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ประกอบกับมีการตรวจยึดของกลางคือ เงินสด และความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาทั้งสามอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน

ส่วนคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ครอบครองเงินที่ได้รับบริจาคของวัด แล้วถอนเงินสดออกจากบัญชีเงินฝากของวัด ตามคำสั่งการของอดีตพระคม แล้วอดีตพระคมสั่งให้อดีตพระมหาวุฒิมา นำเงินบรรจุใส่กระเป๋าเดินทาง มาส่งมอบให้นางสาวจุฑาทิพย์ ซึ่งเป็นน้องสาวของอดีตพระคมรับไว้ต่างกรรมต่างวาระ ตามสถานที่ต่าง ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี จากนั้นจุฑาทิพย์ ได้นำเงินสดที่รับมาไปเก็บไว้ที่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามตรวจค้นบ้านพัก พบเงินสด รวมกับที่ยักยอกในส่วนต่าง ๆ รวมกว่า 300 ล้านบาท

รวบเพิ่ม 6 พระลูกวัด-คนรถ

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานด้วยว่า วันนี้ (9 พ.ค.) ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  (ผบช.ก.) สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม (ผบก.ป.) พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. ขยายผลจับกุมพระลูกวัดวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน 5 รูป และพนักงานขับรถของวัด อีก 1 คน ตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และรับของโจร”

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่า ร่วมกันนำทรัพย์สินมีค่าๆ ต่างของวัดไปซุกซ่อนตามสถานที่ต่างๆ รอบวัดจริง แต่เป็นการทำตามคำสั่งของ อดีตพระคม โดยตอนนั้นยังไม่ทราบว่า อดีตพระคม มีเจตนาใด แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net