Skip to main content
sharethis

ครบรอบ 1 เดือน เหตุเปลี่ยนป้ายชื่อ 'สะพานพิบูลสงคราม' เป็น 'สะพานท่าราบ' ตร. ยันขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ กทม. ผู้แจ้งความ ระบุยังไม่มีอะไรคืบหน้า เหตุวงจรปิดไม่ได้เห็นหน้าผู้ก่อเหตุชัด ส่วนการป้องกันเหตุในอนาคตคงทำได้ยาก เพราะจำนวนเจ้าหน้าที่ กทม.ไม่สามารถเฝ้าทรัพย์สินได้ 24 ชั่วโมง

ภาพคาดเป็นผู้ก่อเหตุ และรถผู้ก่อเหตุ ที่มา : คมชัดลึก ออนไลน์

5 ส.ค.2565 ครบ 1 เดือนจากกรณีมีผู้นำป้ายชื่อ “สะพานท่าราบ” มาปิดทับป้ายบอกชื่อ "สะพานพิบูลสงคราม" บนสะพานพิบูลสงคราม ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ คาดว่าเกิดขึ้นกลางดึกคืนวันที่ 31 มิ.ย. ต่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา จนต่อมาณัฐพล นาคพันธุ์ วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ สำนักงานก่อสร้างและบูรณะ กรุงเทพฯ เข้าแจ้งความกับ สน.บางโพ และดำเนินการรื้อถอนป้ายออกจากสถานที่เกิดเหตุจำนวน 4 ป้าย และได้นำมามอบให้ สน.บางโพ เก็บรักษาไว้ พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐานแล้วนั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวสอบถามความคืบหน้ากับ พ.ต.อ.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ ผู้กำกับการ สน.บางโพ ระบุว่า กำลังประสานกับรองสืบสวน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่

ขณะที่ ณัฐพล วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ กทม. ผู้แจ้งความ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเพราะเท่าที่ดูกล้องวงจรปิดนั้นก็ไม่ได้เห็นหน้าผู้ก่อเหตุชัด รวมทั้งไม่เห็นทะเบียนรถหรือรายละเอียดอื่น อย่างไรก็ตามตนแจ้งความไว้ตำรวจก็ยังหาอยู่

วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ กทม. ระบุว่าทางศูนย์ก่อสร้างและบูรณะถนน กรุงเทพมหานคร ดำเนินการไปซ่อมเรียบร้อยแล้ว โดยดำเนินการรื้อป้ายดังกล่าวออก โดยสีบริเวณถูกปิดทับนั้นลอกออกด้วย

ส่วนมาตรการป้องกันเหตุในอนาคตนั้น วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ กทม. กล่าวว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีใครสามารถเฝ้าทรัพย์สินได้ 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เฝ้าอะไรได้ขนาดนั้น ดังนั้นเขาทำอะไรเราก็ต้องไปตามแก้ไขเอา แต่ป้องกันไม่ได้ เพราะทรัพย์สินของ กทม.กับจำนวนเจ้าหน้าที่นั้นดูแลไม่ไหวอยู่แล้ว

ข้อมูลที่เป็นข่าวเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่มเติม : 

3 ก.ค. 65 เนชั่น รายงานว่า พ.ต.อ.ศักดิเดช  กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า เบื้องต้นทาง ชุดสืบสวนได้รับเบาะแส คนร้าย  พร้อมพาหนะ  เป็นรถกระบะ  ใช้เส้นทางขับผ่านแยกเกียกกาย ไปซอยสามเสน 30 และผ่านแยกบางกระบือ ก่อนหายไป จากภาพ วงจรปิด พร้อมกับให้มีการขยายผล พิสูจน์ทราบตัวผู้ก่อเหตุ ทั้งนี้ทางพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้สั่งการให้เร่งรัดตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งทางสน.บางโพ ได้ประสานกับชุดสืบสวนบก.น.1 เพื่อเร่งตรวจสอบข้อมูลพยานหลักฐานและติดตามรายละเอียดข้อมูลผู้ก่อเหตุต่อไป

4 ก.ค.65 ข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้สั่งการให้เร่งรัดตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งทาง สน.บางโพ ได้ประสานกับชุดสืบสวน บก.น.1 เพื่อเร่งตรวจสอบข้อมูลพยานหลักฐานและติดตามรายละเอียดข้อมูลผู้ก่อเหตุ

เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนที่รับผิดชอบ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว จนทราบว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุอยู่ระหว่างคืนวันที่ 30 มิ.ย. ต่อเนื่องวันที่ 1 ก.ค. โดยมีชาย 2 คน ผมสั้นเกรียน ใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า สวมเสื้อคลุมแขนยาว ขับรถกระบะสีเลือดหมู มุ่งหน้ามาจากถนนสามเสน ผ่านแยกเกียกกายมาบริเวณ ดังกล่าว ก่อนนำป้าย 4 แผ่นติดบริเวณ ดังกล่าว โดยใช้เวลาประมาณ 17 นาที เนื่องจากออกไปช่วงเวลา 00.22 น.

ก่อนจะออกจากบริเวณดังกล่าวได้ใช้เส้นทางกลับรถไปยังถนนสามเสน ตรงมาเลี้ยวซ้ายแยกบางกระบือ ขับวนไปวนมา 3 รอบก่อนลงมือ กระทั่งตรวจสอบพบว่าใช้เส้นทางถนนสวรรคโลกแล้วหายไปจากบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังมีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ป้ายดังกล่าวมีการจัดทำมาค่อนข้างดี เนื่องจากขนาดพอดีกับป้ายชื่อสะพาน เหมือนวัดขนาดมาเป็นอย่างดี และตั้งใจจะให้ติดอยู่บริเวณสะพานดังกล่าวแบบถาวรโดยใช้กาวร้อนติดทับ

 

สำหรับ 'ท่าราบ' นั้น พ้องกับนามสกุลของ พันเอก พระยาศรีสิทธิสงคราม “ดิ่น ท่าราบ" แกนนำกบฏบวรเดชเมื่อปี 2476 ที่พยายามยึดอำนาจจากรัฐบาลคณะราษฎร พระยาศรีสิทธิสงคราม เป็นพ่อของ อัมโภชน์ ท่าราบ มารดา ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานท์ องคมนตรี และเมื่อ ต.ค.62 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นประธานพิธีเปิดห้องศรีสิทธิสงคราม และห้องบวรเดช ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ โดยระบุว่าเป็นชื่อของนายทหารผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net