สมัชชาคนจน และ 65 องค์กรเครือข่าย จัดกิจกรรมเวทีสัญจร “พรรคการเมืองฟังเสียงคนจน” ครั้งที่ 3 ชูธง 'จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน : รัฐสวัสดิการ สิทธิในที่อยู่อาศัย สิทธิการศึกษา สิทธิสุขภาพ สิทธิแรงงาน' เรียกร้องพรรคการเมือง ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ผลักดันประเทศสู่รัฐสวัสดิการ
2 พ.ค.2565 ช่วงบ่าย วันนี้ (2 พ.ค.) ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สมัชชาคนจน และ 65 องค์กรเครือข่าย จัดกิจกรรมเวทีสัญจร “พรรคการเมืองฟังเสียงคนจน” ครั้งที่ 3 (ภาคกลาง) “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน : รัฐสวัสดิการ สิทธิในที่อยู่อาศัย สิทธิการศึกษา สิทธิสุขภาพ สิทธิแรงงาน” โดยมีตัวแทนของพรรคการเมือง เช่น พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคสร้างอนาคตไทยและพรรคสามัญชน มารวมรับฟังข้อเสนอของภาคประชาสังคม
นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ตัวแทนเครือข่าย กล่าวว่าก่อนหน้านี้มีการจัดไปแล้ว 2 ครั้ง โดยเวทีสัญจรจะมีทั้งหมด 7 ครั้ง สำหรับครั้งนี้ประเด็นข้อเสนอสำคัญคือเรื่องรัฐสวัสดิการ ทั้งนี้พวกตนเริ่มต้นจากตัวรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยสมัชชาคนจนและมี 65 องค์กรเครือข่ายที่ร่วมกันมาในวันนี้ ก่อนหน้านี้มีกระบวนการยกร่างร่วมกันมา วันนี้จึงถือโอกาสเสนอให้พรรคการเมือง ส่วนหนึ่งเป็นข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อให้พรรคการเมืองไปดำเนินการ
นิติรัตน์ ระบุว่าเครือข่ายต้องการให้ประเทศเราในรัฐธรรมนูญควรมุ่งสู่การเป็นประเทศรัฐสวัสดิการ ทั้งการศึกษา สาธารณสุข หลักประกันรายได้ ระบบบำนาญ ระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นสิทธิพื้นฐานที่รัฐต้องจัดให้ประชาชนอย่างถ้วนหน้าเป็นธรรม สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญนั้น ต้องเป็นการร่างใหม่ทั้งฉบับ
สำหรับรายละเอียดข้อเสนอของเครือข่ายประชาชนต่อเรื่องรัฐสวัสดิการ ซึ่งเป็นข้อต่อพรรคการเมืองมีดังนี้
- ให้มีการระบุเจตจำนงของรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่า “ประเทศไทยจะมุ่งสู่การเป็นประเทศรัฐสวัสดิการ”
- การกำหนดสิทธิสวัสดิการโดยรัฐแก่พลเมืองทุกคนที่อาศัยบนผืนแผ่นดินไทย อย่างถ้วนหน้า ให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการในด้านต่าง ๆ ได้ในฐานะพลเมืองของประเทศ เสนอถ้อยคำตามรัฐธรรมนูญปี 2489 “ บุคคลย่อมมีฐานะเสมอกันตามกฎหมาย ฐานันดรศักดิ์โดยกำนิดก็ดี โดยแต่งตั้งก็ดี หรือโดยประการอื่นใดก็ดี ไม่กระทำให้เกิดเอกสิทธิ์อย่างใดเลย”
- การปฏิรูปภาษีโดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีความมั่งคั่ง (Wealth Tax) เพื่อดึงทรัพยากรจากกลุ่มคนรวยสุดมากระจายให้คนทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม ด้วยการเพิ่มรายได้รัฐสำหรับจ่ายเป็นระบบสวัสดิการสังคมแบบถ้วนหน้า (Universal Welfare System) และจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณใหม่ (Budget Reprioritization) โดยให้ความสำคัญกับการจัดสวัสดิการให้กับประชาชนแบบถ้วนหน้าเป็นความสำคัญลำดับต้น ๆ
ข้อเสนอจากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
1. รัฐสวัสดิการ
1.1 การสาธารณสุข การศึกษา ระบบบำนาญ การขนส่งสาธารณะเป็นสิทธิพื้นฐานที่รัฐต้องจัดให้เท่าเทียม ถ้วนหน้า และเป็นธรรม
1.2 การสาธารณสุข
- สิทธิในการรับบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน การรักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- การบริการสาธารณสุขของรัฐต้องทั่วถึง มีประสิทธิภาพ รวมกองทุนด้านสุขภาพให้เป็นระบบเดียว และส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเอกชนมีส่วนร่วม
- การป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตราย รัฐต้องจัดให้โดยไม่คิดมูลค่าและทันต่อเหตุการณ์
1.3 การศึกษา
- สิทธิในการรับการศึกษาหรือการฝึกอบรมอาชีพจนถึงระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าอย่างทั่วถึง มีคุณภาพ และไม่เสียค่าใช้จ่าย (ต้องอุดหนุนมากกว่า 12 ปี)
- รัฐต้องสนับสนุนค่าครองชีพในระหว่างการศึกษา
- ผู้พิการหรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากต้องได้รับสิทธิและการสนับสนุนอย่างเท่าเทียม
- รัฐต้องคุ้มครองและส่งเสริมการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชน การศึกษาทางเลือก การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
1.4 ค่าครองชีพ
- มีสิทธิได้รับค่าครองชีพจากรัฐให้เพียงพอต่อการดำรงชีพและการพัฒนาตนเองตามช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชรา (เงินอุดหนุนเด็กเล็ก / บำนาญถ้วนหน้า)
- มารดามีสิทธิในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตรที่จะได้รับการคุ้มครองและช่วยเหลือจากรัฐ (การลาคลอดโดยได้รับเงินเดือน การได้รับเงินอุดหนุนเลี้ยงดูบุตร)
- บุคคลทุกคนที่มีอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป มีสิทธิได้รับค่าครองชีพรายเดือน เพื่อเป็นหลักประกันรายได้โดยมีจำนวนไม่ต่ำกว่าเส้นความยากจนที่กำหนดโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
1.5 การขนส่งสาธารณะ
- มีสิทธิได้รับการบริการขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ทั่วถึง ปลอดภัย ในราคาที่เป็นธรรม
1.6 ที่อยู่อาศัย
- สิทธิเข้าถึงที่อยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม
- รัฐต้องจำกัดการถือครองที่อยู่อาศัยและกระจายการถือครองที่อยู่อาศัย ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
- การทำกิจการบ้านจัดสรร อาคารชุด ต้องไม่แย่งทรัพยากรจนเกิดผลกระทบกับชุมชนเดิม
1.7 เรื่องอื่นๆที่ต้องแก้ไข
- โครงการทางการเมือง ระบบเลือกตั้ง ที่ต้องเป็นธรรม (บัตรเลือกตั้ง การจัดตั้งพรรคการเมือง ระบบรัฐสภาที่เป็นธรรม ระบบยทุติธรรม ศาล องค์กรอิสระ ฯลฯ)
- การกระจายอำนาจ ให้พื้นที่จัดการตนเอง เช่นจังหวัดจัดการตนเอง ภาษีท้องถิ่น เลือกตั้งผู้ว่าทุกจังหวัด ลดขนาดมหาดไทย)
- ปฏิรูประบบภาษี จัดระบบการคลังเพื่อสังคม
- เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยเปิดโอกาสให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ประชาชน มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)