Skip to main content
sharethis

พีมูฟ ออกแถลงการณ์ย้ำการชุมนุมติดตามการแก้ไขปัญหาเป็นไปตามหลักสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ขอรัฐบาลยกเลิกหมายเรียก 11 ตัวแทน และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พร้อมระบุจะประสานงานเครือข่ายทั่วประเทศเพื่อติดตามให้ยกเลิก 2 ประเด็นดังกล่าวต่อไป

14 ก.พ.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 1. การชุมนุมติดตามการแก้ไขปัญหาของพีมูฟเป็นไปตามหลักสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามหลักการประชาธิปไตยที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญทุกฉบับและหลักสิทธิมนุษยชนสากล ไม่ควรถูกจำกัดด้วยพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

2. ขอเรียกร้องให้ยกเลิกการออกหมายเรียกตัวแทนพีมูฟทั้ง 11 คน และยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และ 3. พีมูฟจะประสานงานเครือข่ายทั่วประเทศเพื่อติดตามให้ยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และยุติการออกหมายเรียกดังกล่าวต่อไป

สำหรับแถลงการณ์ของ พีมูฟ มีรายละเอียดดังกนี้

แถลงการณ์ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เรื่อง ประกาศจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล กรณีออกหมายเรียกสมาชิกพีมูฟ 11 คน

เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ ยุติการชุมนุม หลังใช้เวลา 15 วันเคลื่อนไหวเพื่อ “ทวงสิทธิ สร้างอำนาจกำหนดชีวิตประชาชน” โดยการชูข้อเรียกร้องเชิงนโยบายทั้งสิ้น 15 ข้อ จนมีมติคณะรัฐมนตรีรับรอง รวมถึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาหนึ่งชุด และคณะอนุกรรมการอีกหนึ่งชุดเพื่อติดตามเร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้อง ซึ่งอาจเป็นนิมิตหมายอันดีในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เรื้อรังในระดับพื้นที่ จนถึงการผลักดันแนวนโยบายที่จะเป็นการทวงสิทธิเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนั้น

ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งได้ออกหมายเรียกสมาชิกพีมูฟจำนวน 11 คน ในข้อหา “ร่วมกันฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” ให้ไปรายงานตัว ณ สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ซึ่งคาดว่าเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาจากการเคลื่อนไหวของพีมูฟ ร่วมกับองค์กรเครือข่ายอื่นๆ ในระหว่างวันที่ 20 มกราคมจนถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยจากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 11 รายนั้นประกอบด้วย สมาชิกเครือข่ายสลัมสี่ภาค 4 คน สมาชิกเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง 2 คน สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ 2 คน สมาชิกกลุ่มบางกลอยคืนถิ่น 1 คน และกองเลขานุการพีมูฟ 2 คน

พีมูฟเห็นว่าการแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายเรียกดังกล่าวคือความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง และยังแสดงให้เห็นถึงความ “หน้าไหว้ หลังหลอก” ของรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากการกลับมาเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นไปเพื่อการทวงสิทธิที่รัฐบาลและหน่วยงานรัฐได้พรากไปจากประชาชน พี่น้องต้องเดินทางมาจากหลากหลายพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดเพื่อเรียกร้องสิทธิที่ตนเองพึงมี การใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อจัดการกับพี่น้องเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง พีมูฟจึงขอประกาศจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังนี้

1. การชุมนุมติดตามการแก้ไขปัญหาของพีมูฟเป็นไปตามหลักสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามหลักการประชาธิปไตยที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญทุกฉบับและหลักสิทธิมนุษยชนสากล ไม่ควรถูกจำกัดด้วยพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

2. ขอเรียกร้องให้ยกเลิกการออกหมายเรียกตัวแทนพีมูฟทั้ง 11 คน และยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

3. พีมูฟจะประสานงานเครือข่ายทั่วประเทศเพื่อติดตามให้ยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และยุติการออกหมายเรียกดังกล่าวต่อไป

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
14 กุมภาพันธ์ 2565

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net