Skip to main content
sharethis

ศบค.ไฟเขียวต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือนถึงสิ้นเดือนส.ค.นี้ ชี้โควิด-19 ยังวิกฤตทั่วโลก ติดเชื้อวันละ 2 แสนคน และมีการผ่อนผันให้ต่างชาติเข้าไทยจึงต้องกำกับดูแลต่อเนื่อง เลขาฯ สมช.ยืนยันไม่เคอร์ฟิว ไม่ห้ามชุมนุม 


แฟ้มภาพ

22 ก.ค.2563 วันนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 6 คน ใน State Quarantine รวม 3,261 คน หายป่วย 3,105 คน และรักษาในโรงพยาบาล 98 คน และยอดผู้เสียชีวิตคงที่ 58 สำหรับผู้ป่วยใหม่มาจากอียิปต์ 4 คน สหรัฐอเมริกา 1 คน และเยอรมนี 1 คน

ขณะที่ผลการตรวจเชื้อ COVID-19 จ.ระยอง ทั้งหมด 6,843 คน ผลไม่พบเชื้อทุกคน ส่วนใน กทม.ตรวจหาเชื้อ 364 คน ไม่พบเชื้อเช่นเดียวกัน รวมตรวจทั้งหมด 7,207 คนไม่พบเชื้อทุกคน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้ สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยสะสม 15,093,712 คน ป่วยเพิ่มวันเดียว 241,012 คน หายป่วย 9,110724 คน และเสียชีวิต 619,467 คน สหรัฐฯ ยังป่วยมากสุด 4,028,569 คน ส่วนไทยอยู่อันดับ 103 ของโลก

“สำหรับความร่วมมือกับต่างประเทศ ล่าสุดประเทศอังกฤษมีความก้าวหน้าในการทดลองวัคซีน COVID-19 ในคนแล้ว ศบค.ชุดใหญ่ มีมติให้ร่วมมือกันอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาล และในระดับภาคเอกชนของโรงงานสยามไบโอซาย ที่จะพัฒนาต่อยอดผลิตวัคซึน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

 

ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือนถึงสิ้น ส.ค.นี้ 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนการติดตามประเมินผลการดำเนินงานมาตรการผ่อนคลายนั้น ได้มีการหารือเพื่อสร้างความร่วมมือให้มากขึ้น และมีการกำหนดบทลงโทษต่อไปถ้าหากมีการฝ่าฝืน เนื่องจากระยะที่ 4 ถึง ระยะที่ 5 มีการกระทำผิดเพิ่มเติม ทั้งนี้ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดภาพรวมของโรค COVID-19 รวมถึงการให้คนไทยจากต่างประเทศเข้าไทย ประกอบกับการผ่อนผันให้ชาวต่างชาติเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในประเทศ จึงต้องขอขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อให้แก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดได้อย่างต่อเนื่อง 

โดยจำเป็นต้องมีอำนาจตามกฎหมายในการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรทุกช่องทาง มีการติดตาม กักตัว และมาตรการควบคุมโรคอย่างครอบคลุม และจำเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการวิกฤตการณ์ในลักษณะการรวมศูนย์ที่ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นเอกภาพ และมีประสิทธิภาพ

“อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับประเทศในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ฐานวิถีชีวิตใหม่ จนกว่าจะมีกฎหมายฉบับอื่นมารองรับในอนาคต” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

 

ไฟเขียวต่างชาติเข้ามาแสดงสินค้า-ถ่ายหนัง เดินหน้าเศรษฐกิจ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าในการจัดการข้อตกลงพิเศษ และมาตรการสำหรับบุคคลในคณะทูต องค์การระหว่างประเทศ ผู้แทนรัฐบาล หน่วยงานรัฐนั้น ที่ประชุม ศบค.มีมติอนุมัติในหลักการในกลุ่มเหล่านี้ที่เข้ามาแล้วต้องมีมาตรการกักตัวใน State Quarantine โดยให้กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการลงรายละเอียดต่อไป

ส่วนการเตรียมความพร้อมมาตรการผ่อนคลาย 4 กลุ่มในอนาคต คือ อนุญาตชาวต่างชาติเข้ามาจัดการแสดงสินค้าในไทย ซึ่งมีจำนวนมาก เดือน ก.ย.นี้ มี 1 งาน ต.ค.นี้ มี 8 งาน พ.ย.นี้ รวม 4 งาน และ ธ.ค.นี้ 2 งาน โดยทั้งหมดจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมาก 

“เมื่อกลุ่มนี้เข้ามาต้องเข้า State Quarantine ทั้ง ASQ หรือ SQ ระหว่างที่อยู่ในไทยบริษัทจะต้องมีเจ้าหน้าที่กำกับดูแล 1 คน ต่อชาวต่างชาติ 10 คน ติดตามไปทุกที่จนไปถึงงานแสดงสินค้า การจัดการเดินทาง การจัดงานโต๊ะต้องมีแผ่นกั้นในการพูดคุยเจรจา ” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

ส่วนการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย พบว่าตั้งแต่ปี 2559 มีสถิติกองถ่ายเข้ามา 779 เรื่อง 2560 จำนวน 810 เรื่อง ขณะที่ปี 2562 มี 740 เรื่อง สร้างรายได้ถึง 4,863 ล้านบาท โดยข้อปฏิบัตินั้นต้องมีการตรวจ COVID-19 ก่อนเข้าไทย มีใบรับรองแพทย์ ต้องเข้ากักตัวใน ASQ 14 วัน มีประกันสุขภาพ และมีเจ้าหน้าที่ติดตาม แจ้งกำหนดการและสถานที่ล่วงหน้า ซึ่ง ศบค.ได้อนุมัติหลักการแล้ว โดยกระทรวงท่องเที่ยวฯ จะได้ให้รายละเอียด

 

อนุมัติให้เข้าประเทศสำหรับคนถือพิเศษ นำร่อง 200 คน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วน Medical and Wellness Program Plus ทั้งทำฟัน ทำหน้า หลังจากรักษาและอยู่ในโรงพยาบาลจนครบ 14 วัน หลังจากนั้นจะให้คนเหล่านี้ไปใช้จ่ายในประเทศ ไทย ทั้งนี้ ศบค.ชุดใหญ่ยังได้อนุมัติหลักการ เกี่ยวกับคนถือบัตรสมาชิกพิเศษประเทศไทย หรือ Thailand Elite card ปัจจุบันมีสมาชิกรวม 10,363 คน ในไทย 3,108 คน และนอกไทย 7,255 คน โดยกลุ่มที่จะขอนำร่องเดินทางเข้าไทยมีจำนวน 200 คน ด้วย โดยกระทรวงท่องเที่ยวฯ จะได้ให้รายละเอียด

นายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค.ได้ฝากให้กำลังใจประชาชนโดยเฉพาะชาวระยอง และ กทม. ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคน ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์ทั้งหมดเริ่มดีขึ้น ในสัปดาห์หน้าจะมีการแถลงข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เป็นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ โดยวันจันทร์ และศุกร์เป็น นพ.ทวีศิลป์ ส่วนวันพุธเป็น พญ.พรรณประภา

 

สมช.ลั่นไม่เคอร์ฟิว-ไม่ห้ามชุมนุม

พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สมช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ) กล่าวถึงเหตุผลในการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งจากการประชุมเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุข และฝ่ายกฎหมายยังอยากให้มีเครื่องมือในการกำกับดูแล เหตุเพราะยังมีการติดเชื้อทัวโลกสูงถึง 2 แสนคนต่อวัน ยังถือว่ารุนแรงรายล้อมประเทศไทย จึงจำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่ออีกระยะหนึ่ง เพราะไทยยังต้องเปิดประเทศ และมีการอนุญาตให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เช่น การอนุญาตการเดินทางของชาวต่างชาติ การอนุญาตการถ่ายทำภาพยนตร์

เหตุผลต่ออีก 1 เดือนเพราะเป็นช่วงปลี่ยนผ่าน และเข้าใจว่าทางกระทรวงสาธารณาสุข และทีมงานกฎหมายก็ยังมีการปรับกฎหมายต่างๆ เพื่อรองรับกับการคุมโรคระบาด โดยเฉพาะการกักตัว 14 วัน แต่เพื่อให้พี่น้องประชาชนผ่อนคลาย

“ถือว่าเราใช้มาตรการ 9 ของพ.ร.ก.ฉุกเฉินเบาที่สุดแล้ว โดยเฉพาะจะไม่นำมาใช้ในเรื่องของการห้ามการชุมนุม และไม่มีการเคอร์ฟิว ซึ่งจะปรากฎในการต่อ พ.รก.ฉุกเฉินครั้งนี้ ซึ่งเตรียมจะเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า ”

 

อ้างอิง: ไทยพีบีเอส

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net