Skip to main content
sharethis

สถานทูตออสเตรเลียชี้แจงเรื่องหมายแดงของ ฮาคีม อัล อาไรบี แข้งบาห์เรนลี้ภัยที่ถูกจับในไทยว่า ออสเตรเลียไม่เคยออกหมายจับแดง แต่เป็นบาห์เรน ทางออสเตรเลียไม่ทราบจึงได้ส่งข้อมูลให้กับไทยทั้งๆ ที่มีสถานะผู้ลี้ภัยแล้วและต่อมาได้เป็นผู้ถอนหมายแดง กต. ไทย ออกแถลง ขอให้บาห์เรนกับออสเตรเลียคุยกัน

(กลาง ใส่ตรวน) ฮาคีม อัล อาไรบี (ที่มา: Banrasdr Photo)

7 ก.พ. 2562 สถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีหมายจับแดงของตำรวจสากลต่อฮาคีม อัล อาไรบี นักฟุตบอลบาห์เรนผู้ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในออสเตรเลีย แต่ถูกจับกุมในไทยเมื่อเดือน พ.ย. 2561 ใจความว่า

แถลงการณ์ในกรณีของการออกหมายจับแดงของตำรวจสากลต่อนายฮาคีม อัล อาไรบี

เนื่องจากกรณีความเข้าใจผิดในการรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับนายฮาคีม อัลอาไรบี นั้น ทางรัฐบาลออสเตรเลียมีความประสงค์ที่จะชี้แจงเพื่อให้คลายข้อสงสัยเกี่ยวกับหมายจับแดงของตำรวจสากล ในกรณีนายอัลอาไรบี 

รัฐบาลออสเตรเลีย ขอยืนยันว่าทางการออสเตรเลียไม่เคยออกหมายจับแดงดังกล่าว

และรัฐบาลบาห์เรน เป็นผู้ออกหมายจับแดงดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ก่อนที่นายอัล อาไรบี จะออกเดินทางมายังกรุงเทพฯ

การออกหมายจับแดงดังกล่าวไม่ควรที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากนายอัลอาไรบี ได้รับสถานะเป็นผู้ลี้ภัยที่ได้รับการคุ้มครอง อีกทั้งยังเป็นการละเมิดระเบียบของทางตำรวจสากล

ทั้งนี้ ในตอนแรกรัฐบาลออสเตรเลียไม่ทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้ทำการแจ้งให้รัฐบาลไทยทราบถึงการเดินทางมายังประเทศไทยของนายฮาคีม ซึ่งการแจ้งนั้นเป็นไปตามระเบียบการดำเนินการของตำรวจสากล 

หลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลียรับทราบถึงสถานการณ์นี้แล้ว เราได้ทำการขอถอนหมายจับดังกล่าวในทันที ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นเวลาสามวันหลังจากที่นายอัลอาไรบี เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ

ขณะนี้ รัฐบาลออสเตรเลียกำลังดำเนินการทบทวนกระบวนการการทำงานของเรา เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ทั้งนี้ รัฐบาลออสเตรเลียได้อธิบายย้ำอย่างชัดเจนในหลายโอกาสแล้วว่านายฮาคีม อัลอาไรบี ได้รับสถานะเป็นผู้ลี้ภัยและได้รับการคุ้มครองในออสเตรเลีย และสมควรได้รับการส่งตัวกลับไปยังประเทศออสเตรเลียอย่างเร็วที่สุด

กระแสการค้นหาความจริง เกี่ยวกับต้นตอที่นำไปสู่การจับตัวฮาคีมกลายเป็นจุดสนใจขึ้น หลังจากฮาคีมต้องใช้เวลาอีกราวสองเดือนในเรือนจำ หลังรัฐบาลบาห์เรนส่งคำร้องขอส่งตัวฮาคีมกลับประเทศเกิดตามระเบียบในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน และศาลนัดให้ทนายของฮาคีมส่งหนังสือคัดค้านภายใน 5 เม.ย. 2562 และนัดพิสูจน์หลักฐานและเอกสารในวันที่ 22 เม.ย. 2562

‘ประยุทธ์’ ชี้กรณี ‘ฮาคีม’ อยู่ระหว่างกระบวนการยุติธรรม รบ.ไม่แทรกแซงฝ่ายตุลาการ

มีมนุษย์ในฟุตบอล: ต่างชาติกดดันไทยขังแข้งบาห์เรนลี้ภัย ขอแฟนบอลร่วมยืนหยัด

เมื่อวานนี้ (6 ก.พ. 2562) กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ออกแถลงการณ์กรณีฮาคีมไว้ดังนี้

  1. ประเทศไทยไม่รู้จักนายฮาคีม ไม่มีอคติต่อตัวบุคคลและคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการมาไทยของเขา หากไม่ใช่ Interpol ของออสเตรเลียที่ได้แจ้งเตือนเรื่องหมายแดงของนายฮาคีมแต่แรก และหากทางการบาห์เรนไม่ได้มีคำร้องขออย่างเป็นทางการให้จับกุมและส่งผู้ร้ายข้ามแดนนายฮาคีม ซึ่งไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอน คือ ให้จับเพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
  2. ทางการออสเตรเลียใช้เวลาหลายวันหลังจากที่นายฮาคีมเดินทางถึงไทยในการแจ้งการยกเลิกหมายแดง ซึ่งในขณะนั้น กระบวนการทางกฏหมายในไทยได้เริ่มขึ้นแล้วและไม่สามารถย้อนกลับได้ 
  3. ขณะนี้เรื่องได้เข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ในการเดินตามขั้นตอนของกฎหมาย ฝ่ายบริหารไม่สามารถแทรกแซงฝ่ายตุลาการได้ซึ่งเป็นหลักสากลและเชื่อว่าออสเตรเลียก็ยึดถือหลักการนี้เช่นเดียวกัน
  4. ขออย่าได้ด่วนสรุปว่าไทยจะส่งตัวนายฮาคีมให้กับบาห์เรน เรื่องนี้ศาลจะพิจารณาตามหลักฐานที่มีอยู่ซึ่งมีพื้นฐานจากหมายจับ/หมายศาลของบาห์เรน เมื่อเขาหนีความผิดตามกฎหมายของประเทศบาห์เรนมา และบาห์เรนได้ขอให้คุมตัวเมื่อมาไทย พร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานทางกฎหมายให้ฝ่ายไทย พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะส่งฟ้องต่อศาลได้ จึงดำเนินการต่อไปแล้ว
  5. ขณะเดียวกันศาลไทยพร้อมรับหลักฐานทุกชิ้นทุกชนิดที่เป็นข้อเท็จจริงและเป็นธรรมต่อนายฮาคีมที่ทนายของนายฮาคีมจะนำส่งให้ศาลพิจารณา
  6. ไม่มีส่วนใดของไทยที่จะได้ประโยชน์จากการควบคุมตัวนายฮาคีม แต่ในฐานะรัฐอธิปไตยที่มีพันธะทางกฎหมายและความถูกต้องต่อสังคมโลก ไทยได้มาพบว่าเพื่อนที่ดีของไทย 2 ประเทศเกิดแย่งตัวบุคคลคือนายฮาคีมที่มาประเทศไทย ในภาวะดังกล่าวไทยมีทางเดินอันชอบธรรมเพียงว่า (1) ให้ความร่วมมือทางด้านกฎหมายและ (2) เสนอแนะให้เพื่อนที่ดีทั้งสองนี้ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย หันหน้าหารือ หาทางออกในปัญหาซึ่งเป็นของตนเองเสีย แทนการผลักดันหาทางออกทางอ้อมจากไทยซึ่งเผอิญจับพลัดจับผลูมาอยู่ในภาพของประเด็นปัญหานี้ซึ่งเพื่อน ๒ ประเทศของไทยมีระหว่างกันมาแต่ก่อน
  7. การขอให้ออสเตรเลียกับบาห์เรนคุยกัน หาทางออกร่วมกัน จึงเป็นท่าทีโดยชอบธรรมของไทย และไม่ว่าแนวทางออกร่วมกันดังกล่าวจะมาในรูปแบบใด ไทยก็ยินดีจะช่วยส่งเสริมให้เป็นจริงและบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่เป็น win-win
  8. ไทยหวังว่าทั้งออสเตรเลียและบาห์เรนจะมีมิตรไมตรีที่ดีเพียงพอที่จะร่วมกันหาทางออกของเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ หากผลลัพธ์เป็น win-win เชื่อได้แน่นอนว่า คนไทยและผู้คนในภาคส่วนต่าง ๆ ของโลกที่รับรู้เรื่องนี้จะสรรเสริญทั้งออสเตรเลียและบาห์เรนอย่างแน่นอน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net