Skip to main content
sharethis

'โสภณ พรโชคชัย' ชี้ 6 ปัจจัย หลัง Juwai สำหรวจพบคนจีนนิยมซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมากที่สุดในโลก ระบุข้อดีคือธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มีตลาดกว้างมากขึ้น ในขณะที่คนไทยไม่มีกำลังซื้อกระทั่งห้องชุดราคาถูก

 

29 ม.ค.2562 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) กล่าวถึงผลการสำรวจล่าสุดเมื่อปี 2561 ของ Juwai เว็บไซต์ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของจีนพบว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา คนจีนนิยมซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมากที่สุดในโลก (https://bit.ly/2Hzv9cv) จากที่เมื่อปี 2559 คนจีนนิยมซื้อในไทยเป็นอันดับที่ 6 (https://bit.ly/2vZLalT) และขยับขึ้นมาเป็นที่ 3 ในปี 2560 (https://bit.ly/2MBaqE4) ทั้งนี้ลำดับที่ 1-10 ในปี 2561 เป็นดังนี้ อันดับที่ 1 คือ ไทย อันดับที่ 2-10 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ อังกฤษ เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์

สำหรับสาเหตุที่ไทยขยับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งนั้น ดร.โสภณ ระบุว่า เพราะ 1. ไทยไม่มีการจำกัดราคาขั้นต่ำในการซื้อ ต่างจากมาเลเซียที่ต้องซื้อในราคาไม่ต่ำกว่า 8-16 ล้านบาท แล้วแต่บริเวณ  ราคาบ้าน-ที่ดินและห้องชุดในไทยราคาถูกกว่ามาก 2. สามารถได้กรรมสิทธิ์ ไม่ใช่การเช่าระยะยาวเช่นในจีนหรือเวียดนาม  3. ไม่มีการเก็บภาษีซื้อ อย่างในสิงคโปร์ ต่างชาติมาซื้อต้องเสียภาษี 20% ฮ่องกงเก็บ 30% เป็นต้น แต่ในไทย โดยเฉพาะในอีอีซี ยังไม่ต้องเสียภาษีอีกต่างหาก

4. ไม่มีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและภาษีมรดก แต่ไทยมีการตราพระราชบัญญัติของภาษีทั้งสองนี้ แต่แทบไม่มีผลบังคับใช้จริง 5. ไม่มีข้อห้ามให้ต่างชาติซื้อได้แต่บ้านมือหนึ่งเยี่ยงในออสเตรเลีย เพราะหากจีนหรือต่างชาติใดซื้อบ้านมือสองได้ด้วย ก็อาจทำให้ราคาบ้านขึ้นกระฉูด 6. ไม่มีข้อห้ามต่างชาติซื้อบ้านเยี่ยงนิวซีแลนด์ ซึ่งแม้คนจีนจะชอบนิวซีแลนด์ แต่ปัจจุบันนี้มีข้อห้ามมากมาย ทำให้คนจีนไม่สามารถซื้อบ้านได้อีกต่อไป

ด้วยเหตุนี้คนจีนจึงเบนเข็มมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยและทำให้ไทยติดอันดับหนึ่งของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ของจีน ผลดีที่เกิดขึ้นประการหนึ่งก็คือบริษัทพัฒนาที่ดินไทยมีตลาดกว้างมากขึ้น ในขณะที่คนไทยไม่มีกำลังซื้อกระทั่งห้องชุดราคาถูก จน บมจ.แอลพีเอ็นดีเวลลอปเมนท์ หันไปสร้างห้องชุดราคาปานกลางแทน แต่ได้คนจีนมาซื้อ ทำให้สัดส่วนผู้ซื้อของบริษัทมหาชนบางแห่งสูงขึ้นถึง 40%  บริษัทมหาชนหลายแห่งจีงมีกำไรสุทธิหลักหักค่าใช้จ่ายสูงถึง 20-30% หรือบางแห่งสูงกว่านั้น

แต่ผลลบ ดร.โสภณ ระบุว่า ประการหนึ่งก็คือ ประชาชนทั่วไปจะต้องซื้อบ้านในราคาแพงขึ้นจากผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน เพราะกำลังซื้อที่เพิ่มเข้ามาจากประเทศจีนและประเทศอื่น จนวันหนึ่งอาจเกิดภาวะที่ราคาบ้านแพงเกินกว่ากำลังซื้อของประชาชนทั่วไปเช่นที่เคยเกิดขึ้นในไต้หวันเมื่อสิบกว่าปีก่อน อีกอย่างการซื้อขายทรัพย์สินในประเทศไทยโดยคนต่างชาติ ไม่ต้องเสียภาษีซื้อ แทบไม่ต้องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือภาษีมรดก ทำให้ประเทศไทยไมได้อะไรเท่าที่ควรจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติ

"ผู้ที่มีความสุขกับการซื้อทรัพย์ของคนจีนก็คือบริษัทพัฒนาที่ดิน สถาบันการเงิน บริษัทปูน บริษัทเหล็ก แต่ประชาชนแทบไม่ได้อะไรมากนัก" ดร.โสภณ ระบุตอนท้าย 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net