Skip to main content
sharethis

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระบุพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่พรรคอนุรักษนิยม แต่เป็นพรรคเสรีประชาธิปไตย ที่คนรุ่นใหม่จะเข้ามามีบทบาทพอสมควร มุ่งนำเสนอกระจายอำนาจ ไม่มุ่งเน้นประชานิยม คาดหลังเลือกตั้งคงมีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย 

ที่มาภาพ เฟสบุ๊คแฟนเพจ Democrat Party, Thailand

6 เม.ย.2561 ในงานครบรอบ 72 ปี พรรคประชาธิปัตย์ รายข่าวระบุว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ขณะนี้ พรรคมีความพร้อมในการนำเสนอแนวนโยบายต่างๆ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่พรรคอนุรักษนิยม แต่เป็นพรรคเสรีประชาธิปไตย ที่คนรุ่นใหม่จะเข้ามามีบทบาทพอสมควร ผสมผสานกับคนที่ทำงานทางการเมืองมาก่อน  ซึ่งพรรคกำลังเดินหน้าไปสู่การเปลี่ยนแปลง มุ่งไปสู่การเป็นประชาธิปไตย ที่ประชาชนมีส่วนร่วม มุ่งนำเสนอกระจายอำนาจ ไม่มุ่งเน้นประชานิยม

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า สิ่งหนึ่งที่พวกเราที่เป็นผู้บริหารพรรคฯ ในขณะนี้เราสำนึกอยู่ตลอดเวลาก็คือที่มาของพรรคฯ เรา ตั้งแต่ปีพ.ศ.2489 รวม 72 ปี เป็นที่มาของพรรคการเมืองซึ่งขอยืนยันว่ามาถึงวันนี้ไม่มีพรรคการเมืองอื่นทำได้เหมือนกับพรรคฯ เรา ผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อ 72 ปีที่แล้ว ทำงานการเมืองแล้วตัดสินใจว่าความมีอุดมการณ์ร่วมกันนั้น จะต้องมาทำให้เป็นระบบ จึงเกิดพรรคการเมืองที่ชื่อประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคลใด บุคคลหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการก่อตั้งพรรคเพื่อรองรับการเลือกตั้ง หรือเพื่อสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นแนวทางที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นหลักสากล ที่พรรคการเมืองต้องเริ่มต้นด้วย อุดมการณ์ และอุดมการณ์ดังกล่าวไม่มีการแบ่งแยกผู้คน ทุกศาสนา ทุกภาค ทุกรุ่น ก็คือประชาธิปัตย์ที่มาหลอมรวมกันโดยอุดมการณ์

“ผมแปลกใจเสมอนะครับที่เมื่อไหร่หยิบอุดมการณ์ที่เคยประกาศไว้เมื่อ พ.ศ.2489 มาอ่าน เรื่องประชาธิปไตย เรื่องเศรษฐกิจที่เราเปิดโอกาสเต็มที่ แต่รัฐต้องเข้าไปแทรกแซงถ้าหากว่าเราจะช่วยเรื่องความเป็นธรรม เรื่องกระจายอำนาจ สิ่งเหล่านี้เขียนขึ้นมาก่อนจะมีรูปแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายสิบปี ความทันสมัยตรงนี้ทำให้ผมมั่นใจว่าเราเดินหน้ามั่นคง” อภิสิทธิ์ กล่าว

“เชื่อว่าหลังเลือกตั้งคงมีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ด้วย ดังนั้น นักการเมืองจึงต้องพิสูจน์ตัวเอง เพื่อฟื้นความศรัทธาจากประชาชน และทำให้สังคมเห็นถึงอุปสรรค ที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นแรงกดดันให้ ส.ว.สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” อภิสิทธิ์ กล่าว

อภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึง การเปิดให้สมาชิกพรรคเข้ายืนยันการเป็นสมาชิกพรรค วันนี้ (6 เม.ย.) ว่า ยังไม่พอใจกับจำนวนสมาชิกที่มายืนยัน  เพราะยังมีอุปสรรคหลายอย่าง  บางคนยังอยู่ต่างประเทศ หรือ มีปัญหาสุขภาพ แต่ยังไม่มีใครแสดงความจำนงว่า จะไม่ร่วมงานกับพรรค

ทั้งนี้ ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ ได้ร่วมกล่าวในพิธีอิสลามด้วยว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังจากนั้นได้ไปยืนยันสมาชิกแล้ววานนี้ พร้อมกับกล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคฯ เราเป็นพรรคประวัติศาสตร์ ประเทศ บ้านเมือง ประชาธิปไตย ต้องมีอดีต มีปัจจุบัน และมีอนาคต แม้ยุคนี้ยุคใหม่ แต่ยุคใหม่ก็มาจากอดีตนั่นแหละ ตนเป็นคนยุคใหม่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ใครที่เป็นวัยรุ่นวันนี้ ก็ต้องเป็นผู้อาวุโสในวันข้างหน้า ดังนั้นเราต้องภูมิใจ ท่านทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้ในยุคนั้นแล้วรอดชีวิตมาอยู่ในยุคนี้แล้วได้เห็นบ้านเมือง ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง เราต้องมองในทางบวก มองว่าบ้านเมืองต้องไปข้างหน้า แต่บังเอิญว่าเราสะดุดด้วยวิกฤติประชาธิปไตยในระบบธุรกิจการเมือง ซึ่งไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่เติบโตแบบธรรมชาติ ที่ควรจะเป็น แต่ประชาธิปัตย์เรานั้น เราสร้างตัวขึ้นมาด้วยการเติมคนดีเข้ามามากขึ้นๆ ตลอดเวลา จนทุกวันนี้ก็พยายามดึงคนรุ่นใหม่เข้ามา เราคือพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และยึดมั่นในระบบรัฐสภา ที่มีสภาผู้แทนราษฎร มีประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ และเป็นผู้เลือกตัวแทนเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ซึ่งเชื่อว่าพวกเราทั้งหลายยึดมั่นในแนวทางนี้ และขอให้มีความมั่นคงต่อไป 

“ผมเป็นนักการเมืองที่อยู่ยืนหยัดมากับพรรคฯ และผมตั้งใจเป็น ส.ส. เป็นความใฝ่ฝันเดียวในชีวิต ผมเป็นคนเดียวในรุ่นที่ตัดสินใจมาเป็นนักการเมือง โดยเราเชื่อมั่นว่าวันข้างหน้ามันต้องเป็นประชาธิปไตย เราจะอยู่เฉยๆ รอให้มันเป็น หรือเราจะเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดัน ก็เลยสละสิทธิ์ที่จะไปเป็นผู้พิพากษา แล้วตัดสินใจมาเป็นนักการเมือง แล้วก็เป็นหนี้บุญคุณประชาชนมาก เพราะได้เลือกเรามาเป็นผู้แทนฯ ดังนั้นชีวิตการเมืองของผม ถึงไม่ยอมให้ใครมาดูถูก เมื่อท่านประยุทธ์บอก นักการเมืองเลว ไม่ดี ผมก็บอกว่าที่ท่านว่านักการเมืองเลว ไม่ดี มันก็มีจริงครับ แต่นักการเมืองที่ดี ก็มี” ชวน กล่าว

บัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเคยพูดไว้ในบรรยากาศอย่างนี้ว่า ทุกๆ วันที่ 6 เม.ย. ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะอยู่ในลักษณะอย่างไร จะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก จะมีรัฐประหาร จะมีเลือกตั้ง หรือไม่มีเลือกตั้ง ทุกคนมาพรรคฯ ด้วยความรัก ด้วยความผูกพัน ด้วยความเชื่อมั่นในระบบพรรคการเมือง แน่นอนว่าถ้าพรรคการเมืองมีความมั่นคง แข็งแรงมากขึ้น ประชาธิปไตยก็จะเข้มแข็งตามไปด้วย 

“มีคำคมของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมท ได้พูดเอาไว้ว่า การปกครองบ้านเมืองมี 3 วิธี 1.ด้วยอำนาจ 2. ด้วยอามิส และ 3. ด้วยอุดมการณ์ ท่านบอกการเมืองที่มาด้วยอำนาจ ในที่สุดก็ย่อมจะถูกโค่นล้มด้วยอำนาจ การเมืองที่ใช้อามิสเป็นหลัก วันหนึ่งอามิสหมด เพราะไม่พอที่จะให้ตามความต้องการ การเมืองที่ยั่งยืนมั่นคงถาวร คือการเมืองที่ทำด้วยอุดมคติ แม้เจ้าของความคิด แม้ว่าตัวนักการเมืองนั้นจะล้มหายตายจากไปแล้วก็ตาม แต่การปฏิบัติตามอุดมคตินั้นจะยังอยู่ ทุกยุค ทุกสมัย ผมมีความมั่นใจว่าวันนี้เรามาที่นี่กันด้วยความมีอุดมคติ ซึ่งนั่นคือหลักการของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เรายึดมั่นมาทุกยุค ทุกสมัย” บัญญัติ กล่าว

 

ที่มา : เฟสบุ๊คแฟนเพจ Democrat Party, Thailand  และสำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net