Skip to main content
sharethis

ประยุทธ์ กล่าวสุนทรพจน์ประกาศเจตนารมณ์ภาครัฐ-เอกชนต่อต้านการให้สินบน เผยไม่เคยหยุดยั้งให้มีการตรวจสอบปัญหาการทุจริต ย้ำขจัดทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดจากประเทศไทย ระบุ หากยังใช้กฎหมายระเบียบวิธีการเดิม ๆ ในการทำงาน จะเกิดการติดขัด

27 ก.ย. 2560 เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่าวันนี้ (27 ก.ย.60) เวลา 19.00 น. ณ ห้องนภาลัย บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวสุนทรพจน์และเป็นประธานในงานประกาศเจตนารมณ์ภาครัฐและเอกชนในการต่อต้านการให้สินบน (Dinner Talk) “รัฐเอกชนร่วมใจ ขับเคลื่อนธุรกิจไทยไร้สินบน” (Clean Business, Sustainable Thailand) ที่จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) เพื่อให้ผู้แทนระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมกันแสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นในการต่อต้านการให้สินบน และเป็นการเปิดตัวศูนย์ให้คำปรึกษาและคู่มือของ ป.ป.ช. อย่างเป็นทางการ ซึ่งมี พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้การต้อนรับ โดยผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย รัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้นำภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ทูตานุทูต หอการค้า และผู้บริหารระดับสูงจากภาคเอกชน รวม 500 คน
 
พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวสุนทรพจน์สรุปสาระสำคัญตอนหนึ่ง ว่า ตั้งเจตนารมณ์ไว้แล้วว่าในการเข้ามาทำงานของนายกรัฐมนตรี จะแก้ไขปัญหาเรื่องการให้สินบนให้ได้ ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีคำครหามากมาย นายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยหยุดยั้งที่จะให้มีการตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ให้ทุกหน่วยงานมีอิสระในการตรวจสอบ และอำนวยความสะดวกในทุกประการ โดยในการทำงาน เราต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับตัวเราเองก่อนว่าเราต้องไม่ทุจริต ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต และต้องเร่งสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับล่าง ๆ ในระดับพื้นที่ให้ได้ ซึ่งผู้บริหารหน่วยงานทุกคนก็มีสายการบังคับบัญชาอยู่แล้ว  ดังนั้นจะต้องไปกำกับดูแลเรื่องนี้ให้ได้
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีตัวอย่างที่เกี่ยวกับการดำเนินคดี การเข้ารับการพิจารณาคดีที่ถูกตัดสินในเรื่องการทุจริตอยู่มากมาย  โดยกฎหมายหลายฉบับ นายกรัฐมนตรีก็จำเป็นต้องศึกษาเอง ว่ากรณีความผิดนั้นผิดเพราะอะไร อย่างไร เป็นบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ เพราะบางครั้งเราอาจไม่เจตนา บางครั้งก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะเป็นปัญหาต่อการแก้ปัญหาของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริต เรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน หรือปัญหาความเห็นที่แตกต่างกันของคนหลายกลุ่ม ที่ล้วนเป็นปัญหาของทุกประเทศและเป็นปัญหาของประเทศไทยด้วย
 
“เราจำเป็นต้องยืนตรงจุดที่เหมาะสมให้ได้ นโยบายต่างประเทศเราก็ต้องเดินอย่างสมดุล และสิ่งที่เราต้องประกาศออกไปอย่างชัดเจนกับทุกประเทศในโลกคือ เราจะต้องขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดจากประเทศไทยให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
 
หัวหน้า คสช. กล่าวว่าตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ ที่จะดำเนินการเรื่องการตรวจสอบการทุจริตการเดินหน้าโครงการ แผนงาน หรือการทำงานใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ทั้งนี้ หากยังใช้วิธีการเดิม ๆ กฎหมายระเบียบวิธีการเดิม ๆ ในการทำงาน ก็จะทำให้งานเดินหน้าไปไม่ได้ทั้งหมด จะเกิดการติดขัด รัฐบาลจึงได้แก้ไขกฎหมายและระเบียบวิธีการต่าง ๆ ไปมากมาย ดังนั้น 3 ปีที่ผ่านมาต้องมองว่ารัฐบาลทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง อย่าไปมองแต่สิ่งที่ไม่สำเร็จ หรือสิ่งที่จะต้องทำให้เร็ว ต้องเร็ว เพราะจะยิ่งผิดพลาดมากขึ้นได้ง่าย ๆ เพราะแต่ละระดับก็ยังมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า มีความตั้งใจที่จะประกาศเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตต่อไป โดยประเทศไทยจะต้องแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้น ต้องรวมไปถึงการลงทุนของคนไทยในต่างประเทศ และการลงทุนของชาวต่างชาติในไทยด้วย เพราะต่างประเทศก็กำลังจับตาดูเรื่องนี้อยู่ ซึ่งในเวลาที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศ ก็กล้ายืนยันกับต่างประเทศเสมอว่า จะต้องขจัดการทุจริตให้ได้ ดังนั้น ถ้าบริษัทใดจากต่างประเทศถูกเรียกเงินสินบนต่าง ๆ ขอให้แจ้งมายังนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง  แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีใครแจ้งเข้ามา ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีจากต่างประเทศ และทุกสมาคมจากต่างประเทศ เข้าพบพูดคุยได้อย่างเปิดเผยมาโดยตลอด
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ถ้าพบปัญหาเกิดขึ้น ขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีปัญหาเกิดขึ้นที่ไหน และขอให้มีหลักฐาน เพื่อให้สามารถทำงานตรวจสอบได้ โดยต้องขอความเป็นธรรมให้กับคนที่ทำงานอย่างสุจริตด้วย แต่หากพบความผิดก็ต้องลงโทษให้เต็มที่ เพราะส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยช่วยคนผิดอยู่แล้ว  พร้อมกับย้ำว่า ทุกคนจะต้องทำงานกันด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน โดยเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต จะต้องแก้ที่จิตสำนึก สร้างการรับรู้และภูมิคุ้มกันให้กับสังคม ทั้งผู้ให้และผู้รับ ถ้าหากแก้ไม่ได้ก็จะทำให้ประเทศเสียหาย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net