Skip to main content
sharethis

มุสลิมเตรียมระดมทุนชายแดนใต้ ผุดโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ‘ดีอามานเซ็นเตอร์’ มูลค่า 600 ล้าน เริ่มพฤศจิกายน 2554 ขายหุ้นละ 300,000 บาท ทันตแพทย์อับดุลกอเดร์ ยูโซะ ทันตแพทย์อับดุลกอเดร์ ยูโซะ กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิโรรส จังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ตนพร้อมกับบุคคลที่มีชื่อเสียงใน 3 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 30 คน กำลังจะดำเนินโครงการดีอามานเซ็นเตอร์ (D-AMAN CENTER) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มูลค่า 600 ล้านบาท บริเวณริมทางหลวงหมายเลข 418 สายยะลา-ปัตตานี บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ทันตแพทย์อับดุลกอเดร์ เปิดเผยต่อไปว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวกันของเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ โดยเริ่มจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ของแต่ละคน กระทั่งสุดท้ายจึงเกิดแนวคิดที่จะทำโครงการดีอามานเซ็นเตอร์ขึ้นมา ทันตแพทย์อับดุลกอเดร์ เปิดเผยว่า สำหรับโครงการดีอามานเซ็นเตอร์ แบ่งการพัฒนาพื้นของเป็น 4 ส่วน ส่วนที่ 1 ศูนย์การค้าจำน่ายสินค้าที่ได้รับการรับรองฮาลาลทุกประเภท ส่วนที่ 2 สวนสนุก สวนน้ำ สปอร์ตคลับที่แยกระหว่างชายกับหญิง ส่วนที่ 3 ห้องประชุมสัมมนาและการจัดเลี้ยง ความจุ 500 คน และส่วนที่ 4 รีสอร์ทและสปา นอกจากนี้ยังมีศูนย์กระจายสินค้า ศูนย์ส่งเสริมสินค้าเกษตรและสถานที่ประกอบศาสนกิจของชาวมุสลิม ทันตแพทย์อับดุลกอเดร์ เปิดเผยด้วยว่า การลงทุนโครงการดีอามานเซ็นเตอร์ จะมาจากการระดมของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในรูปแบบการขายหุ้นๆ ละ 300,000 บาท เพื่อให้ครบ 600 ล้านบาท โดยจะเริ่มขายหุ้นในเดือนพฤศจิกายน 2554 นี้ “ตั้งเป้าว่าจะมีคนมาซื้อหุ้น 80% หากไม่ถึงก็ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ เนื่องจากไม่ได้ขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ฉะนั้นต้องรอจนกว่าจะขายหุ้นได้เกือบหมดจึงจะเริ่มโครงการได้ แต่ไม่อยากบังคับประชาชนให้มีส่วนร่วม อยากให้ประชาชนเข้าร่วมด้วยตนเอง” ทันตแพทย์อับดุลกอเดร์ กล่าว ทันตแพทย์อับดุลกอเดร์ เปิดเผยด้วยว่า เหตุที่เลือกบริเวณริมทางหลวงหมายเลข 418 เนื่องจากที่ดินมีราคาไม่สูง ต่างจากเขตเมืองที่มีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีกำลังซื้อน้อย เกรงว่าจะไม่ใครกล้าซื้อหุ้น เพราะจะต้นทุนสูงขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับคนลงทุนทำธุรกิจขนาดใหญ่ในพื้นที่นี้น้อยลง ไม่มีใครกล้าเสี่ยงใช้เงินลงทุนสูง ทันตแพทย์อับดุลกอเดร์ กล่าวว่า การรวมหุ้นเพื่อประกอบธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นการส่งเสริมให้คนมีงานทำ โดยการดำเนินงานจะให้สอดคล้องกับหลักการศาสนาอิสลาม ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถผนึกกำลังคนมุสลิมรุ่นใหม่ได้มาก เพราะมีความเชื่อมั่นว่าไม่ขัดกับหลักศาสนาอิสลาม เป็นการสร้างความสามัคคีปรองดองจากการทำธุรกิจร่วมกัน รวมทั้งเป็นการเตรียมรับการเปิดเสรีการค้าอาเซียนที่กำลังจะมาถึงในระยะอันใกล้ การสร้างโอกาสเชิงธุรกิจให้คนในพื้นที่และสร้างภาพลักษณ์ในสายตาบุคคลภายนอก หลังจากเกิดปัญหาความไม่สงบมานานกว่า 8 ปี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net