Skip to main content
sharethis

12 ม.ค. 54 - เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ แถลงว่า  ในเวลา 14.00 น.  ทางเครือข่ายฯ จะไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานกาชาดสากลประจำประเทศไทย เพื่อขอให้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลคุ้มครองสิทธิพลเมืองระหว่างประเทศให้ 7 คนไทยที่ถูกคุมขัง และเครือข่ายฯ ขอประกาศยกระดับการต่อสู้ โดยนัดระดมรวมพลในวันที่ 13 มกราคมเพื่อกดดันรัฐบาลให้เร่งช่วยเหลือ 7 คนไทย หากไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทางเครือข่ายฯ อาจเคลื่อนขบวนไปที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อปิดด่านโดยจะปิดเส้นทางเข้า-ออกตามแนวชายแดน เพื่อตรวจสอบการขนสินค้าผิดกฎหมาย ยาเสพติด แรงงานเถื่อน

น.1 เตรียม ตร.1กองร้อยดูแล

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยถึงมาตรการการควบคุมดูแลกลุ่มมวลชนเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบ เนื่องจากไม่พยายามช่วยเหลือคนไทย ทั้ง 7 คน ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมในข้อหารุกล้ำดินแดนกัมพูชา ทั้งนี้ทางเครือข่ายได้ประกาศยกระดับการชุมนุม ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น ทางด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จำนวน 1 กองร้อย เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ขณะที่การข่าวระบุว่า จะมีมวลชนจากกองทัพธรรมทั่วประเทศ เคลื่อนขบวนเข้ามาสมทบเพื่อร่วมชุมนุม โดยเชื่อว่า เจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมดูแลสถานการณ์ความเรียบร้อยได้

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.วิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายฯ ถือเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งตลอดระยะเวลาช่วงที่มีการชุมนุมนั้น จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด

กต.เผย “วีระ” ยังไม่ให้การขอล่ามจากสถานทูตฯ ไทยแทนล่ามศาล

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี 7 คนไทยถูกจับกุมตัวอยู่ที่กัมพูชา ว่า ล่าสุดมีรายงานความคืบหน้าที่ศาลกัมพูชาไต่สวน นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ในข้อหาพยายามประมวลข่าวสารซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการป้องกันประเทศ เสร็จสิ้นแล้ว โดย นายวีระ ไม่ได้ให้การใด ๆ กับศาลกัมพูชา ให้เหตุผลว่าจะให้การเฉพาะผ่านทางล่ามที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ จัดหาให้เท่านั้น โดยทางสถานทูตฯ ยินดีจัดหาให้  แต่ติดอยู่ที่กฎระเบียบของศาลกัมพูชาที่ปกติจะใช้ล่ามของทางศาล อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางสถานทูตฯ ได้ยื่นขออนุญาตดำเนินการเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับทางศาลกัมพูชาเป็นผู้พิจารณา สำหรับ น.ส.ราตรี กำลังตรวจสอบข้อมูล ยังไม่ได้รับรายงานว่าได้ให้การกับศาลหรือไม่ ส่วนคนไทยอีก 5 คน ต้องดูอีก 2 วันว่า จะมีความคืบหน้าในการประกันตัวหรือไม่

เมื่อถามว่า ต้องตั้งทนายความเพิ่มเติมสำหรับช่วย นายวีระ และ น.ส.ราตรี ที่ถูกตั้งข้อหาใหม่หรือไม่  นายชวนนท์  กล่าวว่า คงต้องหารือกับทนายความว่าจะจัดหาทนายเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะเป็นผู้รู้ดีที่สุด เนื่องจากอยู่ในห้องไต่สวนด้วย เมื่อถามว่า แนวโน้มการให้ความช่วยเหลือดีขึ้นหรือไม่  นายชวนนท์ กล่าวว่า กำลังเร่งรัดตามกระบวนศาลให้เร็วที่สุด เมื่อมีคำตัดสินคดีแล้ว รัฐบาลของสองประเทศจะได้เจรจาช่วยเหลือให้มีการปล่อยตัว 7 คนไทย ส่วนแนวทางที่จะมีการแลกตัวผู้ต้องหานั้น เป็นแนวทางที่เคยปฏิบัติมาแล้วในอดีต แต่ครั้งนี้จะใช้วิธีการนี้หรือไม่ ยังไม่อยากให้นำไปผูกโยงเพราะต้องดูคำพิพากษาก่อนว่าดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งขั้นตอนนี้ยังคิดไปไม่ถึง  แต่หากผลคำพิพากษาออกมาแล้วสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การแลกเปลี่ยน และถ้าทำได้ก็จะเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีข่าวระบุ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จุดที่ 7 คนไทยถูกจับนั้นเป็นพื้นที่ของประเทศไทยว่า เป็นรายงานข่าวที่คลาดเคลื่อน  นายกษิต ไม่เคยพูดเช่นนั้น เพียงแต่รายงานความคืบหน้าการเจรจาให้การช่วยเหลือ 7 คนไทย และสภาพความเป็นอยู่ 7 คนไทยในเรือนจำ เปรย ซอร์ เท่านั้น อย่างไรก็ตามการสู้คดีขณะนี้สาระหลักคงไม่ใช่การพิสูจน์เขตแดนว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของใคร แนวทางการต่อสู้ ยังยืนยันเป็นการพลัดหลงไปในเขตที่กัมพูชาดูแลอยู่

ส่วนกรณีกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง นายชวนนท์ กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงต่างประเทศทำไปไม่มีอะไรแอบแฝง หรือไปเข้าข้างฝ่ายกัมพูชา ทุกคนต่างพยายามหาทางออกอย่างเต็มที่ ขอให้ใช้ความเข้าใจในการทำงานร่วมกัน  ส่วนกรณีกลุ่มดังกล่าวจะชุมนุมปิดล้อมด่านอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เห็นว่าเป็นสิทธิของผู้ชุมนุม  กระทรวงการต่างประเทศจะไม่ไปพูดอะไร หรือข่มขู่ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะมีผลอย่างไร เนื่องจากการพิจารณาคดี 7 คนไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลกัมพูชา แต่ถ้าไม่มีปัจจัยภายนอกแทรกซ้อน การช่วยเหลือคงเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ศาลเขมรไต่สวนวีระเสร็จแล้วคุมกลับเรือนจำทันที

ทั้งนี้ศาลกรุงพนมเปญ กัมพูชา ใช้เวลาเพียง 1.30 ชม. ไต่สวน "วีระ สมความคิด" ในข้อหาจารกรรมข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว ก่อนนำตัวกลับไปควบคุมที่เรือนจำเพรซอว์ทันที พร้อมไต่สวน "ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์" ต่อในข้อหาเดียวกัน ด้าน "การุณ ใสงาม-ณัฐพร โตประยูร" ที่ปรึกษากฎหมายจากเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เดินทางมายังบริเวณศาล แต่คลาดกับ "วีระ" ที่ถูกคุมกลับเรือนจำไปแล้ว โดย "การุณ" เผยว่าเตรียมยื่นถอนข้อหาจารกรรมข้อมูลต่อไป

นักท่องเที่ยว-พนันผวาปิดด่าน งดข้ามแดนอรัญฯเข้าเขมร

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ด่านพรมแดนอรัญประเทศ บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วยังคงเปิดด่านตามปกติ ตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. แต่จำนวนนักท่องเที่ยวไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ไปนครวัด-นครธม จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา หายไปกว่า 60% ขณะที่นักพนันซึ่งข้ามแดนไปยังบ่อนในฝั่งปอยเปต ที่ปกติจำนวนมากวันละกว่า 3,000 คน ก็ลดลงเหลือประมาณ 1,000 คน

สอบถามผู้เกี่ยวข้องหลายคนให้ ข้อมูลว่าหลังเกิดเหตุกัมพูชาจับ 7 คนไทย และมีการแจ้งข้อหาเพิ่มแก่ 2 คนไทยทำให้นักท่องเที่ยวและนักพนันคนไทยวิตกกังวล ว่าจะส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ถึงขั้นปิดพรมแดน

พ.ต.ท. เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว กล่าวว่า ด่านพรมแดนอรัญประเทศ ยังคงเปิดปกติ แต่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยไปกัมพูชาน้อยลง รวมทั้งนักพนัน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 60% ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเดินทางผ่านเข้า-ออกปกติ เช่นเดียวกับชาวเขมรที่เข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประชา สัมพันธ์ตลอดว่าด่านพรมแดนยังเปิดตามปกติ

ขณะที่บรรยากาศในฝั่ง กัมพูชานั้น ส่วนใหญ่ยังติดตามข่าวกรณี 7 คนไทยอย่างคึกคัก โดยบางส่วนเปิดเผยว่า ช่วงนี้ชาวกัมพูชาในตลาดปอยเปตรู้สึกเครียดมาก โดยเฉพาะผู้ค้าขายในตลาดโรงเกลือ และส่งสินค้าเข้าไทย นอกจากนั้น เมื่อรู้กัมพูชาแจ้งข้อหาเพิ่มกับ 2 คนไทย ยิ่งเครียด พร้อมวิตกกังวลจะทำให้เพิ่มความบาดหมางมากขึ้น และอาจนำไปสู่การตอบโต้จนต้องปิดด่าน

“ยะใส” จี้ รบ.ร้อง UN ปกป้องพลเมือง หวั่น 64 ล้านตกเป็นจำเลยรุกล้ำเขมร

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวถึงท่าทีของรัฐบาลไทยต่อการให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทยซึ่งถูกเขมรจับกุมตัวและอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีว่า จนป่านนี้รัฐบาลไทยในฐานะที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองพลเมืองของตัวเอง ยังไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องพลเมืองไทยที่ถูกกำลังต่างชาติควบคุมตัวไปขึ้นศาล ทั้งที่ 7 คนไทยได้ทำหน้าที่ในฐานพลเมืองไทย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 71 บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบัติตามกฎหมาย ฉะนั้น รัฐบาลจะต้องมีมาตรการเพื่อเป็นการปกป้องพลเมืองของตัวเองที่ชัดเจนและมี ศักดิ์ศรีมากกว่านี้
      
นายสุริยะใสกล่าวว่า จริงๆ แล้ววิกฤตครั้งนี้รัฐบาลไทยสามารถแปรเป็นโอกาสดีๆ ได้หลายอย่าง เช่น ยกเลิก MOU 43 รื้อกรอบเจรจาข้อตกลง JBC หรือจัดระเบียบพื้นที่ที่มีข้อพิพาท และประชาชนกัมพูชารุกล้ำมาฝั่งไทย ก็น่าจะทำได้ การนิ่งเฉยหรือใช้ท่าทีตั้งรับเท่ากับเรายอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชา และยอมรับว่า 7 คนไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริง ซึ่งจะส่งผลเสียเปรียบในระยะยาว หากกัมพูชาใช้คำพิพากษาของศาลเป็นบรรทัดฐานเพื่อปกป้องประชาชนชาวกัมพูชาที่ รุกล้ำดินแดนไทย หรือรุกคืบเอาพื้นที่พิพาทอีกหลายพื้นที่ ทั้งๆ ที่เป็นของประเทศไทยนายสุริยะใสกล่าวว่า
      
“ที่สำคัญกัมพูชาอาจยกระดับนำเอาคำพิพากษาของศาลร้องต่อยูเอ็น เพื่อให้ยูเอ็นเข้ามาเป็นเจ้าภาพแก้ปัญหาเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นประเทศไทยและคนไทยทั้ง 64 ล้านคนจะตกเป็นจำเลย ไม่ใช่แค่ 7 คนไทยเท่านั้น เพราะท่าทีที่เป็นทางการของรัฐบาลไทยยังไม่ปรากฏต่อสาธารณะมีเพียงความเห็น ส่วนตัวของผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ถ้ามีการยกข้อพิพาทเรื่องนี้ไปให้สหประชาชาติหรือ UN ระงับข้อพิพาท ประเทศไทยก็จะเสียเปรียบหรือเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ซ้ำรอยกรณีปราสาทพระวิหาร เพราะเราไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการต่อประชาคมโลกว่าจุดที่ 7 คนไทยถูกจับนั้นเป็นดินแดนฝั่งประเทศไทย”
      
นายสุริยะใสยังได้เรียกร้องว่าให้ทางการไทยควรจะทำหนังสือประท้วง กัมพูชาต่อสหประชาชาติ หรือออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนในเรื่องนี้ไว้ก่อน การใช้ท่าทีตั้งรับแบบนี้เป็นท่าทีที่ไม่อาจปกป้องดินแดนไทยในพื้นที่พิพาท อีกหลายๆ พื้นที่ได้อย่างแน่นอน

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์, สำนักข่าวไทย, ไทยรัฐ, สำนักข่าวไทย, ASTV ผู้จัดการออนไลน์, สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net