นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่าในวันที่ 1 ต.ค.นี้ รฟท.จะเริ่มดำเนินการตาม โดยโครงสร้างใหม่ ซึ่งจะแยกเป็น 3 หน่วยธุรกิจและ 1 บริษัทลูก คือหน่วยธุรกิจด้านการเดินรถ ด้านการช่างกลและด้านบริหารทรัพย์สินและบริษัท เดินรถไฟฟ้า รฟท. จำกัด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน

โดยหน่วยธุรกิจทั้งหมดและบริษัทลูกจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ รฟท. และ รฟท.จะเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติล้างภาระหนี้สินสะสม 76,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ครม.เคยอนุมัติล้างภาระหนี้สินสะสมขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาแล้ว จึงคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา

อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ รฟท.ต้องเสนอขอล้างหนี้สินสะสมทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นภาระในการดำเนินงานตามโครงสร้างใหม่ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานภายในปี 57 ซึ่งเป็นช่วงที่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระยะแรกจะแล้วเสร็จ แต่หากครม.ไม่อนุมัติล้างหนี้สินสะสมจะส่งผลให้ รฟท.ต้องใช้เวลามากขึ้นจึงจะมีกำไร เพราะต้องนำรายได้บางส่วนมาชำระหนี้ โดย รฟท.จะเสนอรายละเอียดแนวทางการจัดตั้ง และภารกิจ รวมทั้งโครงสร้างอัตรากำลังของหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาในวันที่ 2 เม.ย.นี้ เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.ภายในเดือนเดียวกัน

"หนี้สินส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมมาใช้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคือระบบรางต่าง ๆประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนอีกประมาณ1 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนในระบบล้อเลื่อน ซึ่งรัฐบาลอาจล้างหนี้เฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน และให้ รฟท.รับภาระเฉพาะหนี้สินในส่วนของระบบล้อเลื่อนได้"

ที่มาข่าว: เดลินิวส์