Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ไต่สวนพยานคดีที่อัยการสูงสุด ร้องขอให้ทรัพย์สินจำนวน 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งบุคคลในครอบครัวและผู้ร้องค้าน ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ โดยขณะดำรงตำแหน่งใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น

โดยนัดนี้ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ นำนางณัฐญา นิยมานุสร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมบรรษัทภิบาล สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าเบิกความว่าเมื่อ ม.ค. 2549 บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขายหุ้นให้กับกลุ่มทุนเทมาเส็กประเทศสิงคโปร์ จากการตรวจสอบพบว่า นายพานทองแท้ถือหุ้นเกินร้อยละ 25 แต่กลับไม่ยื่นเรื่องคำเสนอซื้อ ซึ่งเป็นการทำผิดระเบียบ ก.ล.ต. รวมทั้งหมด 3 กระทง นายพานทองแท้ จึงถูกสั่งปรับเงินประมาณ 5.9 ล้านบาท รวมทั้งตรวจสอบบริษัท แอมเพิชริช ซึ่งถือหุ้นชินคอร์ปจำนวน 3.29 ล้านหุ้น จดทะเบียนที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ไอร์แลนด์ เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าจดทะเบียนที่ประเทศใดกันแน่

ส่วนการที่ราคาหุ้นชินคอร์ปมีการเปลี่ยนแปลงจะเกี่ยวข้องกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้นตอบไม่ได้ รวมทั้งการที่ครอบครัวชินวัตรขายหุ้นให้กับกลุ่มเทมาเส็กจะสร้างความเสียหาย ให้กับตลาดหลักทรัพย์หรือไม่เป็นจำนวนเท่าใด แต่เชื่อว่าไม่กระทบกับผู้ถือหุ้นรายย่อยเพราะหากมีความประสงค์ที่จะขายก็จะได้ราคาเดียวกันกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ภายหลังศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไปวันที่ 6 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น. มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเบิกความ

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net