เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยโวยคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าไม้ทำงานสวนทางรัฐบาล เรียกร้องกระทรวงเกษตร ระบุรัฐบาลมีแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินโดยหลักนโยบายนำกฎหมาย ซึ่งผ่อนผันให้ประชาชนสามารถทำกินในพื้นที่ป่าไม้ได้ตามวิถีชีวิตอันเป็นปกติสุขไปก่อน โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยเรียกร้องกระทรวงเกษตร ระบุรัฐบาลมีแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินโดยหลักนโยบายนำกฎหมาย ซึ่งผ่อนผันให้ประชาชนสามารถทำกินในพื้นที่ป่าไม้ได้ตามวิถีชีวิตอันเป็นปกติสุขไปก่อน โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ แต่คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าไม้ ที่มีนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน กระบวนการทำงานกลับเป็นไปอย่างล่าช้า อีกทั้งยังมีลักษณะที่ตรงกันข้ามกับนโยบายรัฐบาลอย่างชัดเจน โดยยกกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นได้แก่สวนป่าคอนสาร และป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
เครือข่ายฯ ระบุด้วยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้มีเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาตามแนวทางนโยบายที่เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ได้ตกลงร่วมกับรัฐบาล ซึ่งจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติแต่อย่างใด ในขณะที่ปัญหาความเดือดร้อนที่ยืดเยื้อเรื้อรังมาเป็นเวลานาน ยังคงดำรงอยู่ต่อไป คนจนยังไร้ที่ดินต่อไป สังคมจะอยู่เย็นเป็นสุขอย่างไร ยังเป็นคำถามที่คงค้างอยู่ในหัวใจชาวบ้านผู้เดือดร้อนไม่จบสิ้น
ทั้งนี้เครือข่ายฯ เรียกร้องให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมป่าไม้ ยกเลิกประกาศ คำสั่งใดๆที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย และเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติ
000
แถลงการณ์เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 8
“กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องสนองนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่ดิน”
สืบเนื่องจากการเคลื่อนไหวเรียกร้องของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 เป็นต้นมา จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ในวันที่ 9 มีนาคม 2552 และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ รวมทั้งสิ้น 6 ชุด ในวันที่ 24 มีนาคม 2552 ดังที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว นั้น
ในวันที่ 11 มีนาคม 2552 คณะกรรมการอำนวยการฯ ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยสรุปคือ ใช้หลักการนโยบายนำกฎหมาย โดยผ่อนผันให้ราษฎรสามารถทำกินตามวิถีชีวิตอันเป็นปกติสุขไปพลางก่อน โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากระเบียบ กฎหมายใดที่สามารถอะลุ่มอล่วยได้ ก็ให้ดำเนินการต่อไป และวันที่ 3 กรกฏาคม 2552 คณะกรรมการอำนวยการฯ ได้ประชุม ครั้งที่ 2/2552 โดยเห็นชอบแนวทางการผลักดันพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 30 แห่งทั่วประเทศ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคม 2552 นี้
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าไม้ ที่มีนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน กระบวนการทำงานกลับเป็นไปอย่างล่าช้า อีกทั้งยังมีลักษณะที่ตรงกันข้ามกับนโยบายรัฐบาลอย่างชัดเจน กล่าวคือ มีหนังสือกรมป่าไม้ ที่ ทส 161843/10987 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2552 ลงนามโดยนายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้ มีสาระสำคัญคือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่มีอำนาจผ่อนผันให้ราษฎรอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ได้ เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้
ในกรณีปัญหาสวนป่าคอนสาร และป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ นายสมชาย ขำวุฒิ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชย.4 (คอนสาร) ได้มีประกาศลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2552 เรื่องห้ามมีการกระทำอันเป็นการละเมิดพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 หากฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป
จากสาระสำคัญข้างต้น ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้มีเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาตามแนวทางนโยบายที่เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ได้ตกลงร่วมกับรัฐบาล ซึ่งจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติแต่อย่างใด ในขณะที่ปัญหาความเดือดร้อนที่ยืดเยื้อเรื้อรังมาเป็นเวลานาน ยังคงดำรงอยู่ต่อไป คนจนยังไร้ที่ดินต่อไป สังคมจะอยู่เย็นเป็นสุขอย่างไร ยังเป็นคำถามที่คงค้างอยู่ในหัวใจชาวบ้านผู้เดือดร้อนไม่จบสิ้น
ในการนี้ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมป่าไม้ ยกเลิกประกาศ คำสั่งใดๆที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย และเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติ ต่อไป
สมานฉันท์
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย
28 กรกฎาคม 2552
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)