รศ.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ นักวิจัยคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า  ผลการวิจัยพบว่า สตรีอีสานที่แต่งงานกับชาวต่างชาตินั้นมีอายุเฉลี่ย 35 ปี ส่วนใหญ่คือร้อยละ 70 เป็นผู้จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และเป็นผู้ที่ผ่านการแต่งงานครั้งแรกกับสามีคนไทยมาแล้ว แต่ต่อมาได้เลิกรากับอดีตสามีคนไทย โดยส่วนใหญ่มีลูกติด 1 คน และได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับสามีชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป เช่น เยอรมัน อังกฤษ และกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย

สำหรับสามีชาวต่างชาติ จะมีอายุเฉลี่ย 50 ปี และประมาณ 1 ใน 4 จะเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีรายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 60,000 บาท โดยสามีชาวต่างชาติประมาณเกือบร้อยละ 30 จะอาศัยอยู่กับภรรยาที่ประเทศไทยเป็นการถาวร โดยกลุ่มนี้เป็นผู้ที่เกษียณอายุแล้วทั้งสิ้น ส่วนที่เหลือจะเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ

นอกจากนั้นยังพบพฤติกรรมของครอบครัวคนอีสานที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย กล่าวคือ สถาบันครอบครัวในภาคอีสาน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีสมาชิกแต่งงานกับชาวต่างชาติ ได้เปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมจากอดีต เริ่มตั้งแต่ความคิดเกี่ยวกับเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกคู่ครองที่อิงอยู่บนพื้นฐานทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติภายในครัวเรือนมีความห่างเหินกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การแต่งงานข้ามชาตินี้ทำให้สตรีอีสานมีฐานะทางเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จะเห็นได้จากการมีเงินฝากในธนาคาร การมีทอง การซื้อที่ดิน การปลูกบ้านหรือต่อเติมบ้านเรือนเพิ่มขึ้น รวมทั้งการมีภาระหนี้สินที่ลดน้อยลง เนื่องจากการได้รับการช่วยเหลือจากสามีชาวต่างชาติ

ส่วนผลกระทบทางด้านวัฒนธรรม การแต่งงานข้ามชาติ ได้ส่งผลให้เกิดการผสมผสานกลมกลืนทางด้านวัฒนธรรมระหว่างวัฒนธรรมไทยอีสานและวัฒนธรรมของชาวตะวันตก จะเห็นได้จากการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับบุตรมากขึ้น มีการใช้ภาษาอังกฤษในร้านค้า เช่น การติดป้ายราคา หรือในร้านอาหารที่มีรายการอาหารเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น และมีรายการอาหารเพิ่มมากขึ้น จากแต่เดิมที่มีแต่รายการอาหารพื้นเมือง

นอกจากนี้ สตรีอีสานที่แต่งงานกับชาวตะวันตก ก็มีความต้องการที่จะรับประทานอาหารตามอย่างสามีมากขึ้น มีความสนใจและมีส่วนร่วมในประเพณีของสามี เช่น วันคริสต์มาส ขณะเดียวกัน สามีชาวต่างชาติ ก็หันมาให้ความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา และประเพณีอีสาน เช่น เทศกาลสงกรานต์ หรือวันเข้าพรรษามากขึ้น เช่นเดียวกัน

...............................................................................

ที่มา : เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิก