สมชาย ปรีชาศิลปกุล และบุคลากร มช. รวม 13 คน ร่วมกัน ยื่นฟ้องสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนข้อบังคับว่าด้วยการห้ามการหยั่งเสียงหรือการเลือกตั้งอธิการบดี

22 ธ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ธ.ค.) เวลา 13.00 น. สมชาย ปรีชาศิลปกุล, ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล, กฤษณ์พชร โสมณวัตร และทินกฤต นุตวงษ์ อาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ จากภาควิชา Media Arts and Design คณะวิจิตรศิลป์ และวราภรณ์ เรืองศรี จากภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ เป็นตัวแทนบุคลากรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เดินทางไปศาลปกครอง เพื่อยื่นฟ้องสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ในการยื่นฟ้องสภามหาวิทยาลัยฯ ต่อศาลปกครองครั้งนี้มีบุคลากรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทั้งคณาจารย์และเจ้าหน้าที่รวม 13 คนลงชื่อร่วมกันเป็นผู้ฟ้องคดี เพื่อขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยการสรรหาอธิการบดี (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 ซึ่งระบุห้ามมิให้มีการเลือกตั้งหรือการหยั่งเสียงอธิการบดีไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม พร้อมทั้งกำหนดโทษทางวินัยไว้ เพื่อให้บุคลากรสามารถกลับมามีสิทธิเสนอให้มีการหยั่งเสียงหรือจัดให้มีการเลือกตั้งอธิการบดีได้ โดยไม่เป็นความผิดวินัย

ทั้งนี้ ยังได้มีการยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวข้อบังคับจองมหาวิทยาลัยดังกล่าวจนกว่าศาลปกครองจะมีคำวินิจฉัยอีกด้วย

“วันนี้เราเป็นตัวแทนของบุคลากรในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มายื่นฟ้องสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยกรณีว่าตอนนี้กำลังจะมีการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยคนใหม่ แต่ที่ผ่านมาสภามหาวิทยาลัยได้ออกข้อบังคับห้ามไม่ให้มีการใช้การหยั่งเสียงหรือการเลือกตั้ง รวมไปถึงมีข้อกำหนดห้ามไม่ให้มีการสนับสนุนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ถ้าบุคลากรของมหาวิทยาลัยมีท่าทีที่สนับสนุนจะเป็นความผิดทางวินัยได้ ซึ่งพวกเราเห็นว่าอันนี้เป็นข้อกำหนดที่เป็นปัญหาอย่างมาก เนื่องจากขัดต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็น โดยรวมพวกเรามีความเห็นว่าอธิการบดีควรต้องมาจากเสียงของบุคลากรในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไม่ว่าจะโดยการหยั่งเสียงหรือวิธีการใดก็ตาม ต้องไม่ปล่อยให้เป็นการคัดเลือกกันในหมู่ผู้คนกลุ่มแคบๆ” สมชาย กล่าว 

กฤษณ์พชร กล่าวว่า ข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เราเห็นว่ามีปัญหา สำหรับตนเห็นว่ามี 2 กรณีด้วยกัน กรณีแรกคือมันทำให้ผู้สมัครที่ต้องการจะหยั่งเสียง ต้องการจะแสดงวิสัยทัศน์ในการเลือกตั้งไม่มีสิทธิจะแสดงออกในการแสดงวิสัยทัศน์ของตัวเองอย่างเต็มที่ ตนคิดว่าระเบียบข้อบังคับข้อนี้ทำให้ผู้สมัครทำงานได้น้อยลง อีกด้านคือพนักงานมหาวิทยาลัยมีแนวโน้มหรือมีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินการทางวินัย ซึ่งจะทำให้กระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการมีส่วนร่วม ทั้งที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่วางอุดมการณ์เอาไว้ว่าอยากบริหารงานอย่างคำนึงถึงการมีส่วนร่วม